ต้นกำเนิด "การจูบ" ของมนุษย์ ไม่ใช่แสดงความรัก รู้จุดประสงค์ร้องห้าาา อวสารโรแมนติก !!!
สำหรับคนสมัยใหม่ “การจูบ” อาจเป็นวิธีแสดงความรักรูปแบบหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ค้นหาวัตถุประสงค์ของการจูบที่แท้จริงสำหรับคนโบราณ ต้นกำเนิดกลับไม่โรแมนติกขนาดนั้น!
ตามรายงานของสำนักข่าวเดลี่เมล์ “Adriano Lameira” นักจิตวิทยาวิวัฒนาการจากมหาวิทยาลัย Warwick ในสหราชอาณาจักร ตีพิมพ์ผลงานวิจัยลงใน "Evolutionary Anthropology" ซึ่งเป็นเรื่องราวของการติดตามพฤติกรรมการจูบย้อนกลับไปเมื่อหลายล้านปีก่อน
พบว่าจุดประสงค์ของการเม้มริมฝีปากและดูดเบาๆ ต่อกัน คือเพื่อทำความสะอาดและดูแลสุขอนามัย ซึ่งก็คือการกำจัดปรสิตเกล็ดผม สะเก็ดผิวหนัง หรือผิวหนังที่ตายแล้ว ออกจากร่างกายของมนุษย์อีกคน โดยชี้ให้เห็นว่าบรรพบุรุษของมนุษย์มีลักษณะขนดก ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ปากเพื่อดูแลกันและกัน
หลังจากที่บรรพบุรุษของมนุษย์ใช้วิธีนี้ในการดูแลกันและกัน พวกเขาก็จะจบลงด้วยการสัมผัสกันแบบปากต่อปาก ในขณะที่มนุษย์วิวัฒนาการผ่านมาเรื่อยๆ และมีขนน้อยลงเรื่อยๆ เวลาในการดูแลเส้นขนบนร่างกายก็สิ้นสุดลง แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังคงอยู่ด้วยการสัมผัสกันแบบปากต่อปาก ดังนั้น ท้ายที่สุดแล้ว "จูบ" ก็ยังคงอยู่ และกลายเป็นพิธีกรรมที่บรรพบุรุษใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม วารสารวิชาการอื่นๆ เคยตีพิมพ์บทความเรื่องนี้ในอดีต โดยนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติพบว่า “การจูบ” มีต้นกำเนิดย้อนกลับไปในตะวันออกกลางเมื่อ 4,500 ปีก่อน ในเวลานั้นการจูบถือเป็นปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของความใกล้ชิดที่โรแมนติก นอกจากนี้ หากอ้างอิงตามตำราเมโสโปเตเมียโบราณ การจูบนั้นเป็นสิ่งที่คู่แต่งงานทำกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังถูกมองว่าเป็นวิธีแสดงความปรารถนาของผู้ที่ไม่ได้แต่งงานด้วยความรักอีกด้วย