ขายบ้านตามหา "ลูกสาวคนเก่ง" หายตัวหลังเรียนจบ เจอสภาพรุงรัง ใจพังรู้เหตุผลที่หนีมา
ลูกสาวเข้ามหาวิทยาลัย "ชั้นนำ" จู่ๆ หายตัวหลังเรียนจบ พ่อขายบ้านตามหา 12 ปี สุดท้ายเจอสภาพแทบจำไม่ได้ เห็นที่อยู่อาศัยยิ่งปวดใจ
คุณหลี่ (นามสมมุติ) ผู้หญิงมาจากมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน ตั้งแต่วัยเด็กมีชื่อเสียงในด้านการเรียนดีและความกตัญญู แม้ว่าฐานะของครอบครัวจะไม่ดีนัก แต่พ่อแม่ก็มักจะพยายามทำงานหนักเพื่อให้ลูกสามารถทัดเทียมกับเพื่อนได้ เนื่องจากเธอรักพ่อแม่มากเช่นกัน จึงตั้งใจเรียนหนักมากเพื่อหวังว่าความพยายามนี้ะทำให้พวกท่านมีชีวิตที่ดีขึ้นได้
ต้องขอบคุณความพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง คุณหลี่ผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในหวู่ฮั่น และสำเร็จการศึกษาอย่างราบรื่น เมื่อเห็นความสำเร็จในด้านการเรียนของลูกสาว ครอบครัวเชื่อว่าเธอจะสามารถมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความคาดหวังเหล่านี้สร้างความกดดันทางจิตใจให้กับลูกสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความคาดหวังที่สูงส่งของครอบครัวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้บีบให้คุณหลี่ต้องตั้งเป้าหมายที่หนักหน่วงหลายอย่างให้กับตัวเอง เธอเชื่อว่าเพียงอาศัยการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยและความพยายามของเธอ ก็จะสามารถหางานดีๆ ได้อย่างรวดเร็ว และทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเธอ
โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ในรูปแบบที่ไม่มีใครคาดคิด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สำเร็จการศึกษาในปี 2550 ก็ตระหนักถึความจริงได้ว่าการหางานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีคนที่มีความสามารถมากมายในหวู่ฮั่น และหลายคนสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดีๆ อีกทั้งบุคลิกเก็บตัวของเธอยังทำให้การหางานที่ดีทำได้ยาก
คุณหลินไม่ต้องการทำงาน "ธรรมดาๆ" เธอคิดเสมอว่าในฐานะที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ การทำงานแบบนั้นคงจะเป็นเรื่องน่าอาย ยิ่งไปกว่านั้น พ่อแม่เชื่อเสมอว่าเธอจะได้งานดีๆ จึงกังวลว่าจะทำให้ครอบครัวผิดหวัง ดังนั้น ทุกวันจึงออกไปงานมหกรรมจัดหางานสำคัญๆ เพื่อสมัครงาน แต่ยิ่งคาดหวังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งผิดหวัง และเมื่อเห็นเพื่อนรอบตัวหางานทำกัน ความวิตกกังวลในใจก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ในแต่ละวัน เงินออมของคุณหลินค่อยๆ หมดลง อีกทั้งยังไม่มีงานทำ เธอเริ่มเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ อาศัยอยู่ในห้องเช่าธรรมดาๆ และยังคงส่งเรซูเม่ต่อไป ในระว่างนี้เองจู่ๆ ก็มีคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้า บอกว่าเขาเป็นพนักงานฝ่ายทรัพยากรบุคคล สามารถช่วยให้เธอหางานที่ดี มีเงินเดือนดี และมีโอกาสที่ดีได้ เธอเชื่อคำพูดของบุคคลนั้นโดยไม่ลังเลใจ โดยนึกไม่ถึงว่าจะถูกพาไปยังที่ตั้งของเครือข่ายที่ไม่น่าไว้วางใจ
หลังจากหลบหนีออกมาได้ เธอก็ทำบัตรประจำตัวประชาชนหาย ในเวลานี้หากเป็นคนอื่นๆ คงจะกลับบ้าน แต่เธอกลับไม่กล้าทำเช่นนั้น ไม่กล้าติดต่อครอบครัวเพราะกลัวทำให้พวกเขากังวล จึงเริ่มต้นชีวิตด้วยการเร่ร่อนไปตามถนนในหวู่ฮั่นโดยไม่มีทางออก เพื่อความอยู่รอดทำได้เพียงหาอาหารเลี้ยงชีพเท่านั้น เสื้อผ้าขาด ผมยุ่งเหยิง และร่างกายสกปรกขึ้นทุกวัน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากภาพลักษณ์นักศึกษามหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาก่อนหน้านี้
คุณหลินรู้สึกเหมือนเธอไม่มีหน้าที่จะพบครอบครัว และไม่อยากให้พวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของตนเองในปัจจุบัน ดังนั้นแม้จะรู้ว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังตามหา แต่เธอก็ยังไม่กลับบ้าน เร่ร่อนเช่นนั้นเป็นเวลา 12 ปี จนกระทั่งปี 2562 เมื่ออู่ฮั่นเริ่มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคนไร้บ้าน จึงพบคุณหลินกำลังเก็บขยะและอาศัยอยู่ในอาคารร้าง แม้แต่ตำรวจยังประหลาดใจอย่างยิ่งที่เห็นภาพนี้ คิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะอาศัยอยู่ในที่แบบนี้
ครอบครัวกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังผ่านไป 12 ปี
ตำรวจจึงพาคุณหลินไปที่สถานีเพื่อสอบถาม เปิดเผยเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังการเดินทางที่ยาวนานของเธอ หลังจากนั้นพยายามอย่างหนักก็ติดต่อกับครอบครัวของเธอได้ อย่าไรก็ดี ในตอนแรกที่ได้รับโทรศัพท์ พวกเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง และสงสัยว่าตำรวจเป็นนักต้มตุ๋นด้วยซ้ำ เนื่องจากระหว่างที่ลูกสาวหายตัวไปเป็นเวลา 12 ปีแล้ว มีหลายคนโทรมาหลอกลวงพวกเขา
แต่เมื่อไปตรวจสอบที่สถานีก็ได้พบลูกสาวจริงๆ และน้ำตาไหลออกมาทันทีที่เห็นสภาพผมยุ่งเหยิงและเสื้อผ้าขาดวิ่น ในขณะที่คุณหลินยังคงไม่กล้ามองหน้าพ่อแม่ด้วยซ้ำ อีกฝ่ายกลับตรงเข้าสวมกอดลูกสาวที่ตามหามาอย่างยาวนาน ไม่ได้ตำหนิแต่แค่พูดว่า "ดีใจที่กลับบ้าน ดีใจที่ลูกได้กลับบ้าน" ในที่สุดครอบครัวของพวกเขาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน คุณหลินได้รู้สิ่งที่พ่อแม่ของเธอต้องเผชิญตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปรากฎว่าพวกท่านเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อตามหาเธอ ในระหว่างนั้นไม่มีเงินจะเช่าโรงแรม ทำได้เพียงนอนใต้สะพานเท่านั้น และเพื่อตามหาลูกสาวที่หายไป ถึงกับขายบ้านหลังเดียวที่มีอยู่ และออกมาอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ
ปัจจุบัน คุณหลินได้เอาชนะความมืดมนในอดีตของเธอ และได้เริ่มต้นงานที่มั่นคงแล้ว ทางด้านพ่อแม่ก็ไม่ได้กดดันเธออีกต่อไป พวกท่านแค่หวังว่าเธอจะมีชีวิตที่มีความสุข
เรื่องราวของคุณหลินเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า ความกดดันจากความคาดหวังของผู้ปกครอง ไม่เพียงแต่เป็นแรงจูงใจเท่านั้น แต่บางครั้งก็ยังเป็นภาระทางจิตใจที่หนักหน่วงสำหรับเด็กอีกด้วย สิ่งสำคัญไม่ใช่ความสำเร็จตามมาตรฐานของคนอื่น แต่เป็นความสุขและความภาคภูมิใจในตนเอง ครอบครัวจำเป็นต้องสร้างเงื่อนไขให้เด็กๆ ค้นพบทิศทางของตนเอง พัฒนาความสามารถของตนเอง และอยู่กับตนเองได้อย่างเต็มที่