ทำไมคนเป็นมะเร็งมากขึ้น? หมอมาเฉลย เตือน 5 นิสัยไม่ดีขณะทำอาหารที่ควรเลิก
ไขข้อสงสัย ทุกวันนี้ทำไมคนถึงป่วยเป็นมะเร็งกันมากนัก? หมอมาเฉลยให้ฟัง พร้อมเตือน 5 นิสัยเสียขณะทำอาหาร ที่ควรเลิกทันที
ทำไมคนเป็นมะเร็งกันมากขึ้น? คำถามนี้ทำให้หลายคนครุ่นคิดไม่ต่างจากควันจากการทำอาหารในครัว ที่ไม่ว่าจะพยายามโบกให้จางหายก็ยังคงอยู่
เว็บไซต์ Sohu เผยว่า สามีภรรยาชาวจีนคู่หนึ่งได้พูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าว ว่าทุกวันนี้ทำไมคนถึงป่วยเป็นมะเร็งกันมากนัก? สุดท้ายทั้งสองคนจึงตัดสินใจเก็บข้อสงสัยดังกล่าวไปถามคุณหมอเมื่อเดินทางไปตรวจสุขภาพ
โดยหลังจากที่ลุงหานและป้าหลิว วัดความดันเสร็จ ลุงหานก็อดใจไม่ไหวถามทันที “หมอจ้าวครับ ทำไมทุกวันนี้คนป่วยเป็นมะเร็งกันเยอะจัง?”
หมอจ้าวเงยหน้าจากปากกา ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจอธิบายอย่างละเอียด
"จริง ๆ แล้ว โรคมะเร็งนั้นเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนิสัยบางอย่างในครัวที่เราอาจมองข้ามไป บางคนเดินไปเดินมา ก็เผลอก้าวเข้าสู่หลุมพรางของมะเร็งโดยไม่รู้ตัว"
5 นิสัยเสียขณะทำอาหารที่ต้องเลิกทันที
หมอจ้าว กล่าวต่อ “นิสัยที่ไม่ดีข้อแรกก็คือเรื่องของควันจากน้ำมันทำอาหารนี่แหละ”
ลุงหานได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น “โอ้โห แล้วจะทำยังไงล่ะ? บ้านเราต้องเปลี่ยนเตาเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
หมอจ้าวส่ายหัวและยิ้ม “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เตาของคุณยังใช้ได้อยู่ สิ่งสำคัญคือควบคุมไฟให้พอดี หลีกเลี่ยงการใช้ไฟแรงและน้ำมันมากเกินไป ตอนทำอาหารก็ควรเปิดหน้าต่างและใช้เครื่องดูดควันให้มากที่สุด เพื่อให้ควันและน้ำมันระเหยออกไป”
ฟังไปฟังมา ป้าหลิวก็ถามเข้ามาบ้าง “แล้วหมอจ้าว ควันจากน้ำมันร้อน ๆ นี่นอกจากนั้นยังมีอะไรอีกบ้างไหม?”
หมอจ้าวเงยหน้ามองเพดาน เหมือนกำลังกรองรายการ "นิสัยไม่ดีในครัว" ที่ยาวเหยียดในหัวออกมา
“นิสัยที่สองก็คือการทานอาหารทอดมากเกินไป หลายคนชอบทำอาหารทอด ๆ เพื่อความสะดวก เช่น ทอดขาไก่ หรือทอดปอเปี๊ยะ จนบ้านเต็มไปด้วยเสียงน้ำมันเดือด ๆ”
“การศึกษาชี้ให้เห็นว่า คนที่ชอบทานอาหารทอด โดยเฉพาะครอบครัวที่ทานเป็นประจำ ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งระบบย่อยอาหารจะสูงขึ้นอย่างมาก”
ลุงหานทุบต้นขาตัวเอง “อ้าว แบบนี้ไม่ดีแล้ว! ที่บ้านเราชอบทอดอาหารมาก โดยเฉพาะหลานชายผม ถ้าไม่มีไก่ทอดนี่ไม่ยอมกินเลย”
ป้าหลิวรีบดึงลุงหานไว้ “อย่าทำแบบนี้ต่อไปนะ พวกเราอาจจะต้องทานอาหารที่เบากว่านี้หน่อย”
ได้ยินแบบนั้น ลุงหานก็หรี่ตามองแล้วเริ่มคิดในใจว่าจะปรับปรุงการทำอาหารในครัวยังไงดี
แต่หมอจ้าวไม่ให้เวลาลุงหานหายใจ เขากล่าวต่อทันที “นิสัยที่สามที่หลายคนมักมองข้าม คือการใช้ปริมาณน้ำมันที่คุณภาพต่ำ”
“ในตลาดมีน้ำมันคุณภาพไม่ดีหลายตัวที่โฆษณาว่า ธรรมชาติแท้ หรือ ผลิตด้วยวิธีโบราณ แต่อาจมีสารก่อมะเร็งในระดับสูง เช่น บางชนิดอาจมีอะฟลาทอกซิน”
“คุณรู้ไหมว่า สารนี้ถือเป็นสารพิษร้ายแรงและได้รับการยอมรับว่าเป็นอันตราย ถ้าทานเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดมะเร็งตับได้”
ลุงหานฟังไปก็นั่งพยักหน้าในใจ คิดว่าโชคดีที่ที่บ้านใช้แต่น้ำมันคุณภาพดี
แต่หมอจ้าวยังไม่หยุดพูด “นิสัยที่สี่ก็คือการใช้น้ำมันซ้ำ”
“น้ำมันที่ใช้ซ้ำหลายครั้งจะค่อย ๆ ถูกทำลายไปเมื่อโดนความร้อน ทำให้มีสารอันตรายมากขึ้น เช่น สารเปอร์ออกไซด์และอนุมูลอิสระ ซึ่งหากสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน ๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก”
หมอจ้าวมองไปที่สีหน้าของพวกเขา ก่อนจะเสริมต่อ “นิสัยสุดท้ายที่สำคัญที่สุด แต่กลับถูกมองข้ามบ่อย ๆ ก็คือการไม่สนใจอายุการเก็บรักษาของอาหาร”
“ตัวอย่างเช่น มันฝรั่งที่เริ่มงอก ข้าวที่ขึ้นรา หรือผักที่เน่าเสีย อาหารเหล่านี้บางชนิดอาจก่อให้เกิดสารพิษ เช่น โซลานีนในมันฝรั่ง ซึ่งหากทานเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้”
สุดท้าย ลุงหานลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “หมอจ้าว ถ้าเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้แล้ว จะสามารถหลีกเลี่ยงมะเร็งได้ทั้งหมดเลยไหมครับ?”
หมอจ้าวขมวดตาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มขำ ๆ พูดว่า “ก็ไม่สามารถบอกได้ว่า 100% จะหลีกเลี่ยงได้ แต่ถ้าเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงเหล่านี้ ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งก็จะลดลงได้มากทีเดียว”
หลังจากหมอจ้าวพูดจบ ลุงหานก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น เมื่อเดินออกจากห้องตรวจ เขากำลังจับใบตรวจสุขภาพไว้แน่น ราวกับว่าในนั้นไม่ได้มีแค่ตัวเลข แต่ยังเป็น "คู่มือการทำอาหารในครัว" ที่เขากับป้าหลิวต้องปรับเปลี่ยนในการใช้ชีวิตในอนาคตโดยไม่รู้ตัว