วิถีคนญี่ปุ่น ดื่มนมน้อยกว่าฝรั่ง แต่อัตรา "กระดูกพรุน” ต่ำกว่า เพราะกินสิ่งนี้บ่อยๆ อร่อยด้วย
รู้แล้ว! คนญี่ปุ่นดื่มนมน้อยกว่าฝรั่ง แต่อัตรา "กระดูกพรุน” ต่ำกว่า เพราะกินสิ่งนี้บ่อยๆ อร่อยด้วย
แม้ว่าการบริโภคนมและการดูดซึมแคลเซียมจะต่ำกว่า แต่คนญี่ปุ่นกลับก็มีอัตราการเป็น "โรคกระดูกพรุน" ต่ำกว่าประเทศในยุโรปและอเมริกามาก
โรคกระดูกพรุน เป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญในวัยชรา เนื่องจากการสูญเสียมวลกระดูกอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะเกิดขึ้นหลังวัยกลางคน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่างๆ ร่วมทั้งเพิ่มอัตราการเสียชีวิตด้วย ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงการป้องกันกระดูกพรุน หลายคนนึกถึงแต่อาหารเสริมแคลเซียม แต่ผู้เชี่ยวชาญพบว่าสาเหตุที่ชาวญี่ปุ่นมีอัตราการกระดูกพรุนค่อนข้างต่ำ เหตุผลเบื้องหลังนี้อาจเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับอาหารที่รับประทาน
คนญี่ปุ่นกินแคลเซียมน้อย ทำไมอัตรากระดูกพรุนถึงต่ำ?
"ริวอิจิโระ ซาโตะ" ศาสตราจารย์กิตติคุณจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเทียบกับประเทศในยุโรปและอเมริกา การบริโภคผลิตภัณฑ์นมของชาวญี่ปุ่นค่อนข้างต่ำ และการบริโภคแคลเซียมก็เช่นกัน น่าประหลาดใจที่อัตรากระดูกพรุนของผู้หญิงญี่ปุ่นนั้น แท้จริงแล้วต่ำกว่าผู้หญิงในยุโรปและอเมริกาอย่างมาก มีการสันนิษฐานว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการนิยมรับประทานผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองของญี่ปุ่น เช่น เต้าหู้ มิโซะ นัตโตะ...
ถั่วเหลืองอุดมไปด้วยไอโซฟลาโวน เป็นสารอาหารจากพืชที่ทำหน้าที่เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งสามารถยับยั้งการทำงานของเซลล์ที่ทำลายกระดูกและลดการสูญเสียมวลกระดูก อย่างไรก็ตาม หลังวัยหมดประจำเดือนการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ส่งผลให้กระดูกเปราะบางมากขึ้น
ศาสตราจารย์ริวอิจิโร ซาโตะ ชี้ให้เห็นว่าคุณสมบัติคล้ายถั่วเหลืองไม่สามารถทดแทนเอสโตรเจนได้ แต่สามารถจับกับตัวรับเอสโตรเจนและทำหน้าที่ตามที่คาดหวังหลังวัยหมดประจำเดือน จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและกระดูกหัก โดยผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองที่คนญี่ปุ่นใช้กันทั่วไป ได้แก่ เต้าหู้ นมถั่วเหลือง มิโซะ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองทุกชนิดจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ!
เต้าหู้ ถั่วแห้ง และนมถั่วเหลืองเป็นอาหารที่พบบ่อยที่สุดในแต่ละวัน และอุดมไปด้วยสารอาหาร เหมาะเป็นแหล่งโปรตีนจากพืช หากต้องการเลือกผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ควรให้ความสำคัญกับอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด เช่น นมถั่วเหลืองไม่หวาน และเต้าหู้บริสุทธิ์ รวมทั้งใช้วิธีปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น การนึ่งหรือการตุ๋นสามารถลดปริมาณไขมัน และเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพของไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลืองได้สูงสุด
ส่วนมิโซะ และนัตโตะ เป็นอาหารที่มักปรากฏบนโต๊ะอาหารของครอบครัวชาวญี่ปุ่น หลังจากการหมักจะมีโปรไบโอติกและคุณค่าทางโภชนาการพิเศษ ในขณะที่มันเทศ ถั่วเขียว เห็ด และบรอกโคลี ก็มีสารไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลือง แต่มีความเข้มข้นต่ำกว่า
อย่างไรก็ดี สำหรับเต้าหู้ทอด แม้ว่าจะเป็นอาหารมังสวิรัติทั่วไป แต่ก็มีไขมันมากเนื่องจากกระบวนการแปรรูป หลังจากการทอดและปรุงอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีก การเติมรสชาติ รวมทั้งปริมาณไขมันและโซเดียมที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดโรคอ้วนและส่งผลต่อสุขภาพของหัวใจได้
กล่าวโดยสรุปคือ แม้ว่าการได้รับแคลเซียมเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ไม่สามารถพึ่งพาอาหารเสริมแคลเซียมเพียงอย่างเดียวเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุนและกระดูกหักได้ ดังนั้น อย่าลืมรับประทานอาหารที่สมดุลและหลากหลาย และออกกำลังกายเป็นประจำตามความสามารถ เพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกและลดความเสี่ยงของกระดูกหัก!