เนื้อหาในหมวด ข่าว

ผัวป่วยระยะสุดท้าย ไม่กี่เดือนเมียเป็นโรคเดียวกัน หมอชี้ผู้ร้ายคือ \

ผัวป่วยระยะสุดท้าย ไม่กี่เดือนเมียเป็นโรคเดียวกัน หมอชี้ผู้ร้ายคือ "อาหาร" ที่กินเหมือนๆ กัน

ผัวป่วย "มะเร็งตับอ่อน" ระยะสุดท้าย ไม่กี่เดือนเมียเป็นโรคเดียวกัน หมอชี้ผู้ร้ายคือ "อาหาร" กินเหมือนกัน ป่วยเหมือนกัน

เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน นายเฉินหมี่ อายุ 48 ปี จากประเทศจีน เริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น ตาเหลือง ผิวเหลือง เบื่ออาหาร และปวดท้องบ่อย ๆ โดยเฉพาะอาการปวดที่แย่ลงหลังรับประทานอาหาร เมื่ออาการไม่ดีขึ้น นายเฉินจึงตัดสินใจไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ผลการตรวจพบว่านายเฉินเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย หลังทราบผลการวินิจฉัย นายเฉินจึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

แต่เรื่องร้ายยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพียงไม่กี่เดือนต่อมา ภรรยาของนายเฉินเริ่มมีอาการผิดปกติเช่นกัน นางเฉินมีอาการปวดหลังบ่อยครั้งและรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อผิดปกติในช่องท้อง เมื่อตรวจร่างกาย แพทย์วินิจฉัยว่านางเฉินก็เป็นมะเร็งตับอ่อนเช่นกัน

ผลวินิจฉัยนี้ทำให้สามีภรรยาคู่นี้ตกอยู่ในความสับสน นางเฉินถามแพทย์ว่า “ทั้งฉันและสามีไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ แต่ทำไมเราถึงป่วยเป็นมะเร็งชนิดเดียวกัน?”

แพทย์อธิบายว่า นอกจากการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับอ่อน เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหาร

เมื่อสอบถามประวัติการรับประทานอาหาร แพทย์พบว่าสามีภรรยาคู่นี้มีพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้งคู่ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง และพฤติกรรมดังกล่าวถูกปฏิบัติมาเป็นเวลาหลายปี

แพทย์กล่าวว่า พฤติกรรมการกินเช่นนี้ทำให้ตับอ่อนทำงานหนักขึ้นจนเกิดความเสียหายและเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง

ดร.ฟาน เว่ยตง หัวหน้าแผนกศัลยกรรมตับและตับอ่อน โรงพยาบาลจงซาน หมายเลข 6 ประเทศจีน อธิบายว่า การรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงอย่างต่อเนื่องจะส่งผลต่อระดับไขมันในเลือดและน้ำตาลในเลือด ทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักขึ้นในการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินและกลูคากอนเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงการหลั่งเอนไซม์ย่อยอาหาร

หากภาวะนี้ดำเนินต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดโรคตับอ่อนอักเสบได้ และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับอ่อน

นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ซึ่งตามรายงานของ American Cancer Society ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน (BMI เกิน 30) มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับอ่อนเพิ่มขึ้น 20%

สัญญาณเตือนของมะเร็งตับอ่อน

แพทย์ชี้ว่า มะเร็งตับอ่อนมักเริ่มต้นอย่างเงียบ ๆ และมักถูกพบในระยะกลางหรือระยะสุดท้าย ซึ่งทำให้การรักษาทำได้ยากและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

เพื่อการตรวจพบมะเร็งตับอ่อนอย่างทันท่วงที ควรสังเกตอาการต่อไปนี้:

  • ปวดท้อง: อาการปวดบริเวณท้องส่วนบนหรือปวดหน่วง ๆ ที่อาจรุนแรงขึ้นหลังรับประทานอาหาร
  • น้ำหนักลดและอ่อนเพลีย: ผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อน 80-90% มีอาการน้ำหนักลดและอ่อนเพลีย
  • ปัญหาการย่อยอาหาร: เนื้องอกอาจกดทับทางเดินน้ำดีและท่อน้ำย่อย ทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสีย
  • ดีซ่าน: มะเร็งบริเวณหัวตับอ่อนสามารถกดทับท่อน้ำดี ทำให้เกิดอาการตาเหลือง ผิวเหลือง และปัสสาวะเปลี่ยนสี
  • อาการอื่น ๆ: ปวดหลัง มีไข้ต่ำเรื้อรัง หรือระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลงผิดปกติ

แพทย์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตับอ่อน โดยแนะนำให้ควบคุมอาหารและลดการบริโภคไขมันหรือน้ำตาลที่มากเกินไป

 

ตับอ่อนร้องไห้! หิวจนตาลาย ก็อย่ากิน 5 เมนูนี้เป็นอาหารเช้า เบาหวาน-มะเร็งมาไม่รู้ตัว

ตับอ่อนร้องไห้! หิวจนตาลาย ก็อย่ากิน 5 เมนูนี้เป็นอาหารเช้า เบาหวาน-มะเร็งมาไม่รู้ตัว

เตือนด่วน! 5 เมนูเช้า "ต้องห้าม" ที่ทำให้ตับอ่อนทำงานหนักเกินไป ทำลายเซลล์ เสี่ยง "เบาหวาน-มะเร็ง"

ถึงเวลาช่วยสมอง! เลิก 5 อาหารเช้ายอดฮิต ทำสมองเสื่อม-แก่เร็ว เสี่ยงมะเร็งไม่รู้ตัว

ถึงเวลาช่วยสมอง! เลิก 5 อาหารเช้ายอดฮิต ทำสมองเสื่อม-แก่เร็ว เสี่ยงมะเร็งไม่รู้ตัว

เลิกด่วน! 5 สไตล์อาหารเช้ายอดฮิตที่ทำร้ายสมอง ทั้งเร่งแก่ ความจำแย่ และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง

2 เมนู \

2 เมนู "ปลามรณะ" ทำลายเซลล์ตับ เสี่ยงมะเร็งร้ายแรง ไม่ใช่แค่ปลาเผา อีกอย่างก็ร้าย!

ตับพังไม่รู้ตัว! เตือนภัย 2 เมนูปลาโปรดของคนไทย ก่อมะเร็งระดับ 1 ผู้เชี่ยวชาญเผยพ่อค้ายังไม่กล้ากิน

น้ำตาล 1 ชนิดที่เซลล์มะเร็งกลัว พบในอาหารที่คุ้นเคย กินดีประโยชน์หลายต่อ

น้ำตาล 1 ชนิดที่เซลล์มะเร็งกลัว พบในอาหารที่คุ้นเคย กินดีประโยชน์หลายต่อ

รู้จัก น้ำตาล 1 ชนิด ที่มะเร็งกลัวเพราะทำให้เซลล์อ่อนแอ พบในอาหารที่คุ้นเคย กินดีได้ประโยชน์หลายต่อ