เนื้อหาในหมวด ข่าว

น้ำตาล 1 ชนิดที่เซลล์มะเร็งกลัว พบในอาหารที่คุ้นเคย กินดีประโยชน์หลายต่อ

น้ำตาล 1 ชนิดที่เซลล์มะเร็งกลัว พบในอาหารที่คุ้นเคย กินดีประโยชน์หลายต่อ

รู้จัก “น้ำตาลแมนโนส” สารอาหารธรรมชาติที่เซลล์มะเร็ง “ไม่ชอบ”

น้ำตาลแมนโนส (D-Mannose) อาจเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูนัก แต่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงการวิจัยสมัยใหม่ถึงศักยภาพในการขัดขวางกระบวนการเผาผลาญพลังงานของเซลล์มะเร็งบางชนิด ทำให้มันถูกเรียกว่าเป็น "น้ำตาลที่เซลล์มะเร็งไม่ชอบ" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจต่อสุขภาพอย่างยิ่ง แมนโนสเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ง่ายในอาหารรอบตัวเรา จึงปลอดภัยที่จะบริโภคเป็นประจำเพื่อเสริมสุขภาพโดยรวม

น้ำตาลแมนโนสคืออะไร และพบได้ที่ไหนบ้าง?

แมนโนสเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างคล้ายกับกลูโคส (Glucose) ซึ่งเป็นน้ำตาลหลักที่ร่างกายใช้เป็นพลังงาน ร่างกายของเราสามารถดูดซึมแมนโนสได้อย่างรวดเร็วและขับส่วนเกินออกทางปัสสาวะได้ง่าย แมนโนสเป็นที่รู้จักกันดีในการช่วยลดการเกาะติดของแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ จึงถูกใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องกระเพาะปัสสาวะอักเสบมานานแล้ว

ข่าวดีคือ แมนโนสมีอยู่ในอาหารธรรมชาติที่เราบริโภคได้ทุกวัน แม้ว่าปริมาณจะไม่สูงเท่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบผง แต่ก็เป็นแหล่งที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ อาหารที่มีแมนโนส ได้แก่ แครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ ส้ม แอปเปิล บล็อกโคลี รวมถึงถั่วต่าง ๆ และยังมีสารประกอบของแมนโนสในกาแฟด้วย การรับประทานอาหารเหล่านี้จึงช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหารเพิ่มเติม

ทำไมเซลล์มะเร็งไม่ชอบแมนโนส

งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า แมนโนสอาจมีบทบาทสำคัญในการรบกวนการทำงานของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในเซลล์มะเร็งบางชนิดที่มีระดับเอนไซม์ Phosphomannose isomerase (MPI) ต่ำ เมื่อแมนโนสเข้าสู่เซลล์มะเร็งในปริมาณสูง จะถูกเปลี่ยนเป็นแมนโนส-6-ฟอสเฟต (M6P) ซึ่งจะไปสะสมและขัดขวางกระบวนการสลายกลูโคสเพื่อสร้างพลังงาน

การขัดขวางการใช้กลูโคสซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักนี้ จะทำให้การสร้างพลังงานของเซลล์มะเร็งผิดปกติและอ่อนแอลง งานทดลองในห้องปฏิบัติการและในสัตว์ทดลองพบว่า แมนโนสสามารถชะลอการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอดและมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ยังอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาเคมีบำบัดบางตัวได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่าปริมาณที่ใช้ในการทดลองนั้น สูงกว่าที่พบในอาหารหลายร้อยเท่า

แมนโนส: ประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม

แม้ว่าการกินแมนโนสจากอาหารธรรมชาติจะไม่มากพอที่จะออกฤทธิ์แบบเดียวกับการทดลองในห้องแล็บ แต่การบริโภคอย่างสม่ำเสมอก็มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน ที่สำคัญที่สุดคือช่วยลดการเกาะติดของแบคทีเรีย E.coli ในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ แมนโนสจะเข้าไปจับแบคทีเรียทำให้เกาะผนังกระเพาะปัสสาวะไม่ได้ และจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ นอกจากนี้ แมนโนสและอาหารที่ให้แมนโนสยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยลดการอักเสบเรื้อรังและสนับสนุนการทำงานของภูมิคุ้มกัน

การรับประทานอาหารที่มีแมนโนสเป็นประจำจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยในการเสริมสร้างสุขภาพ เพราะเป็นการเพิ่มใยอาหาร วิตามิน และสารอาหารที่ดีเข้าสู่ร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระที่ได้รับจะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการอักเสบซึ่งอาจส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม สรุปแล้ว แมนโนสเป็นสารธรรมชาติที่น่าสนใจ แต่ไม่ใช่ "ยารักษามะเร็ง" และไม่ควรใช้แทนการรักษาทางการแพทย์ใด ๆ

ผลไม้ที่มีน้ำตาลแมนโนสตามธรรมชาติ

ผลไม้ที่มีแมนโนส "ค่อนข้างสูง"

กลุ่มผลไม้เปรี้ยวเล็กและเบอร์รี่มีปริมาณแมนโนสสูงตามธรรมชาติ เพราะโครงสร้างผนังเซลล์มีกรดยูโรนิกและโพลีแซ็กคาไรด์ที่มีแมนโนสเป็นส่วนประกอบ

  • แครนเบอร์รี่ สูงที่สุดในบรรดาผลไม้

  • บลูเบอร์รี่

  • ราสป์เบอร์รี่

  • แบล็กเบอร์รี่

  • สตรอว์เบอร์รี่ (ในปริมาณรองลงมา)

กลุ่มเบอร์รี่เหล่านี้เป็นแหล่งโพลีฟีนอลสูง ลดการอักเสบ และหลายงานวิจัยใช้แครนเบอร์รี่เพื่อป้องกัน UTI เพราะมีแมนโนสช่วยลดการเกาะของแบคทีเรีย E.coli

ผลไม้ที่มีแมนโนสระดับ "ปานกลาง"

พบแมนโนสในปริมาณปานกลาง โดยเฉพาะกลุ่มผลไม้ที่มีเพกทินสูง

  • ส้ม และผลไม้ตระกูลส้ม (ส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง)

  • เกรปฟรุต

  • เลมอน / ไลม์

  • มะนาว

ผลไม้ที่มีแมนโนส “ระดับต่ำ–ปานกลาง”

แต่ยังถือว่าเป็นแหล่งที่ดีในธรรมชาติ

  • แอปเปิล

  • ลูกแพร์

  • พีช (Peach)

  • เชอร์รี

  • มะม่วงบางสายพันธุ์

  • แตงโม (ปริมาณน้อย)

ผลไม้กลุ่มนี้มีเพกทินและใยอาหารสูง ดีต่อระบบขับถ่ายและลำไส้ร่วมด้วย

ผลไม้ที่มีแมนโนส "ปริมาณน้อย"

แต่ยังพบได้ ถึงแม้แมนโนสไม่สูง แต่เป็นแหล่งวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี

  • กล้วย

  • สับปะรด

  • แก้วมังกร

  • ฝรั่ง

  • กีวี

อาหารนอกเหนือจากผลไม้ที่มีแมนโนสสูง

หากต้องการเพิ่มแมนโนสจากธรรมชาติ ควรรู้ว่ามีแหล่งอื่นที่สูงกว่า “ผลไม้” ได้แก่:

  • ถั่วต่าง ๆ (ถั่วแดง ถั่วเหลือง)

  • กาแฟ (ในรูปแมนแนน ซึ่งสลายเป็นแมนโนส)

  • ผักตระกูลกะหล่ำ (บรอกโคลี กะหล่ำดอก)

ข้อควรรู้และการบริโภคอย่างปลอดภัย

การกินอาหารที่มีแมนโนสตามธรรมชาติมีความปลอดภัยสูงและไม่มีข้อจำกัดสำหรับคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม เน้นย้ำว่า แมนโนสไม่สามารถใช้แทนการรักษามะเร็งหรือยาใด ๆ ได้ และการรับประทานผลไม้หรืออาหารต่างๆ ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและหลากหลาย เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพที่ครอบคลุมทุกด้าน

โดยสรุปแล้ว น้ำตาลแมนโนส เป็นสารอาหารธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินปัสสาวะและสุขภาพโดยรวม งานวิจัยแสดงให้เห็นศักยภาพในการรบกวนการเผาผลาญพลังงานของเซลล์มะเร็งบางชนิด ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าจับตาในอนาคต แต่ในปัจจุบัน แมนโนสเป็นตัวช่วยเสริมด้านอาหารและโภชนาการที่ปลอดภัย หาได้ง่ายในผักและผลไม้ที่เราบริโภคในชีวิตประจำวัน

ฮาร์วาร์ดค้นพบ 1 อาหารยืดอายุขัย กินแค่วันละ 28 กรัม หัวใจแข็งแรง-น้ำตาลในเลือดคงที่

ฮาร์วาร์ดค้นพบ 1 อาหารยืดอายุขัย กินแค่วันละ 28 กรัม หัวใจแข็งแรง-น้ำตาลในเลือดคงที่

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดศึกษาประชากรมากกว่า 118,000 คน และค้นพบอาหาร 1 ประเภทที่มีประสิทธิภาพในการ "ยืดอายุ" โดยการรับประทานวันละ 28 กรัม จะช่วยให้หัวใจแข็งแรงและระดับน้ำตาลในเลือดคงที่

รู้จักอวัยวะที่เป็น \

รู้จักอวัยวะที่เป็น "หัวใจดวงที่สอง" ของร่างกาย แค่ขยับเบาๆ ก็ช่วยน้ำตาลในเลือดได้

รู้จักอวัยวะที่เป็น "หัวใจดวงที่สอง" ของร่างกาย มีบทบาทในการไหลเวียนโลหิต แค่ขยับเบาๆ ก็ช่วยน้ำตาลในเลือดได้

ไม่อยากสูญเสียฟัน... เตือน 3 ของกินที่ \

ไม่อยากสูญเสียฟัน... เตือน 3 ของกินที่ "ควรหลีกเลี่ยง" ในตอนเช้า เมนูยอดฮิตทั้งนั้น!

3 อาหาร–เครื่องดื่มที่ไม่ควรกินตอนเช้า เสี่ยงทำฟันสึก ฟันผุแบบไม่รู้ตัว พร้อมแนะนำ 4 อาหาร ที่ช่วยปกป้องสุขภาพฟัน

ใบไม้ที่ต่างชาติอวย \

ใบไม้ที่ต่างชาติอวย "โสมคนจน" ช่วยลดน้ำตาลในเลือด มีฤทธิ์ต้านอักเสบ ของดีที่น้อยคนจะรู้!

ใบไม้ชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็น "โสมคนจน" ช่วยลดน้ำตาลในเลือด มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ แต่มีคนใช้น้อยมาก!