ลูกชายวัย 8 ขวบ เขียนเรียงความถึงแม่บ้าน แม่อ่านแล้วตกใจ รีบกลับบ้านทันที
ครูส่งเรียงความของลูกชายวัย 8 ขวบ มาให้อ่าน เขียนถึงแม่บ้าน แม่อ่านแล้วตกใจ รีบออกจากที่ทำงาน ตรงกลับบ้านทันที
เรื่องราวนี้ถูกแชร์บนแพลตฟอร์ม Toutiao และได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวเน็ตที่ประเทศจีน
"ฉันชื่อจิ่งเหวิน ปีนี้อายุ 30 ปี เป็นหัวหน้าแผนกของบริษัทการเงินแห่งหนึ่งในเซินเจิ้น ประเทศจีน วันนี้ฉันอยากเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแม่บ้านของครอบครัวเรา ผู้ที่ทำงานกับเรามาเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งฉันมองข้ามความสำคัญของเธอมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันได้อ่านเรียงความของลูกชายวัย 8 ขวบที่บรรยายถึงคนที่เขารักมากที่สุดในบ้าน" เธอเริ่มเล่า
ตามคำบอกเล่าของจิ่งเหวิน คุณป้าถัน (ปีนี้อายุ 60 ปี) เป็นคนบ้านเดียวกับแม่ของเธอ ป้าถันเริ่มมาช่วยงานที่บ้านของจิ่งเหวินตั้งแต่สิบปีก่อน โดยเริ่มทำงานให้พ่อแม่ของเธอ และเมื่อจิ่งเหวินมีครอบครัวและย้ายออกมาอยู่บ้านของตัวเอง ป้าถันก็ย้ายมาช่วยดูแลบ้านและ เต๋อปัง ลูกชายของเธอ ตั้งแต่เขาเกิดจนถึงปัจจุบัน
จิ่งเหวินมีภาระงานที่ยุ่งจนไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่กับลูก ทุกอย่างในบ้านป้าถันดูแลแทน ส่วนเรื่องเรียนของลูกเธอจ้างติวเตอร์มาสอนเพิ่มเติม ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บริษัทของเธอเผชิญปัญหา เธอยิ่งยุ่งหนัก มีหลายวันที่ต้องทำงานจนดึกและกลับบ้านในช่วงเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง
แต่ถึงจะดึกแค่ไหน บางครั้งเธอก็ยังเห็นป้าถันไม่นอน หรือบางครั้งนั่งร้องไห้อยู่ เมื่อลองถามดู ป้าถันก็ตอบแค่ว่ามีปัญหาครอบครัว จนกระทั่งไม่กี่วันหลังจากนั้น ป้าถันมาขออนุญาตกลับบ้านที่ชนบทเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพราะสามีป่วยหนัก พร้อมทั้งขอเบิกเงินล่วงหน้า 3 เดือน
จิ่งเหวินยอมรับว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แต่ช่วงนี้บ้านกำลังวุ่นวาย ถ้าป้าถันกลับไป บ้านคงปั่นป่วน เธอจึงบอกว่าจะส่งเงินไปให้ แต่ขอให้ป้าถันพิจารณาอีกครั้ง หากสามีไม่ได้ป่วยหนักจริง ๆ ก็อยากให้เลื่อนการเดินทางออกไป ป้าถันได้แต่เงียบและพยักหน้าอย่างเข้าใจ
3 วันผ่านไป ตามปกติหลังการประชุมที่เคร่งเครียดในเวลา 10 โมงเช้า จิ่งเหวินเปิดโทรศัพท์และพบสายที่ไม่ได้รับ 2 สายจากครูประจำชั้นของเต๋อปัง เธอรีบโทรกลับไปด้วยความกังวล ครูแจ้งว่าต้องการพูดคุยเรื่องการเรียนของลูกชาย โดยเฉพาะเรียงความที่เขียนถึง “คนที่รักที่สุดในบ้าน” ซึ่งได้คะแนนสูงและมีรายละเอียดที่พ่อแม่ควรอ่าน ครูจึงถ่ายรูปเรียงความส่งมาให้ผ่าน WeChat พร้อมแนะนำให้จิ่งเหวินลองอ่านดู
"ฉันไม่รีรอ รีบเปิดดูเรียงความทันที หัวข้อคือ "เล่าเรื่องความทรงจำกับคนที่คุณรักที่สุดในครอบครัว" และคนที่ลูกชายฉันเขียนถึงคือป้าถัน ไม่ใช่ฉัน ลูกบอกว่าป้าถันเป็นคนที่เขารักที่สุด เพราะเธอคอยดูแล เอาใจใส่ และปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นหลานแท้ ๆ ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็พอเข้าใจได้
แต่มีรายละเอียดหนึ่งที่ลูกเล่า ทำให้ฉันช็อกจนต้องรีบกลับบ้านทันที นั่นคือเรื่องครอบครัวของป้าถัน ลูกชายเล่าว่าสามีของป้าถันตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรง ต้องใช้เงินจำนวนมากในการผ่าตัด หากไม่รีบรักษาอาจไม่ทันการณ์ แต่เพราะป้าถันรู้ว่าฉันกำลังยุ่งอยู่ จึงไม่กล้าขอความช่วยเหลือและยังไม่กล้ากลับบ้านตามที่เคยขอไว้
นอกจากนี้ คำบอกเล่าของลูกยังทำให้ฉันได้รู้ว่าป้าถันเสียสละเพื่อครอบครัวฉันมากเพียงใด ทุกปีเธอไม่กลับบ้าน เพราะกลัวฉันกับลูกจะเหงา เธอช่วยดูแลลูกชายฉันเสมือนลูกหลานแท้ ๆ แม้กระทั่งให้เงินค่าขนม และจดจำได้ทุกสิ่งที่ฉันและลูกชอบหรือแพ้ เธอทำงานแม้ในวันที่ไม่สบายเพราะไม่อยากทิ้งหน้าที่
"ฉันช่างไร้หัวใจเกินไป" ฉันนึกย้อนไปด้วยความรู้สึกผิด
ฉันจึงรีบขับรถกลับบ้านทันที เมื่อได้พูดคุยกับป้าถันเพิ่มเติม เธอบอกว่าตอนนี้สามีอาการดีขึ้นแล้ว มีน้องสาวและหลานช่วยดูแลอยู่ที่บ้าน ป้าถันวางแผนจะกลับบ้านช่วงวันผ่าตัด เพราะเธอได้เบิกเงินล่วงหน้าและส่งเงินเก็บทั้งหมดกลับบ้านแล้ว นอกจากนี้ ยังต้องวิ่งหาเงินเพิ่ม เพราะลูก ๆ ของเธอก็มีฐานะยากจน บางคนทำงานไกล จึงไม่อยากรบกวน
หลังจากฟังเรื่องราว ฉันจึงมอบเงินจำนวน 300,000 หยวน (ประมาณ 1.4 ล้านบาท) ให้ป้าถัน โดยแบ่งเป็นเงินส่วนตัวของฉันและของแม่ ซึ่งแม่ของฉันที่อยู่ต่างประเทศก็ส่งเงินมาช่วยป้าถันด้วยจำนวน 150,000 หยวน (ประมาณ 700,000 บาท) ฉันบอกป้าถันว่าเงินนี้ให้ยืม แต่ในใจไม่ได้หวังจะให้เธอคืน
จากนั้นฉันขับรถไปส่งป้าถันที่สถานีรถโดยสาร และบอกเธอว่า "กลับบ้านไปดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย ค่อยกลับมา ที่นี่ฉันจัดการได้"
เรื่องราวนี้เมื่อถูกแชร์ในโลกออนไลน์ ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก หลายคนยกย่องว่านี่คือเรื่องราวที่งดงามและเปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์ พร้อมทั้งชื่นชมป้าถันในความทุ่มเท และอวยพรให้แม่ลูกของจิ่งเหวินมีความสุขต่อไป