.jpg)
ชายวัย 47 จู่ๆ ตื่นมาหน้าอัมพาตครึ่งซีก หมอซักจนรู้สาเหตุ เพราะการอาบน้ำแบบนี้
ชายวัย 47 ปี ตื่นมาหน้าอัมพาตครึ่งซีก ไม่ได้เป็นเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หมอซักจนรู้สาเหตุ เพราะการอาบน้ำแบบที่หลายคนชอบทำ
เมื่อเร็วๆ นี้ นพ.ดวน ดู มังห์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือดจากสมาคมหลอดเลือดเวียดนาม ได้ทำการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายจะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
ผู้ป่วยเป็นชายวัย 47 ปีจากฮานอย ประเทศเวียดนาม รู้สึกชาในครึ่งหน้าขวา ตากข้างขวาปิดไม่สนิท ปากเบี้ยว และน้ำตาไหลไม่หยุด เขาจึงวิตกกังวลเรื่องโรคหลอดเลือดสมองและรีบไปพบแพทย์
หลังจากสอบถามประวัติ ผู้ป่วยบอกว่าเมื่อคืนก่อนเขาดื่มเหล้ากับเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน เมื่อกลับถึงบ้านแม้ว่าจะดึกแล้ว แต่เขายังคงอาบน้ำเพื่อให้ตัวเองสะอาด
หลังจากอาบน้ำเขารู้สึกหนาวจึงไปนอนพัก และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พบว่าใบหน้าซีกขวาของเขาเป็นอัมพาต ปากเบี้ยวจึงรีบไปหาหมอ
จากผลการตรวจ MRI แพทย์ยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง แต่เป็นอัมพาตใบหน้าจากการได้รับบาดเจ็บที่เส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลาย
หลังจากนั้น ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มและการฝึกกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูเส้นประสาท
อัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลาย เป็นภาวะที่ทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าลดลงหรือสูญเสียไป มักพบในฝั่งใดฝั่งหนึ่งของใบหน้า ทำให้ใบหน้าผิดรูป ส่งผลกระทบต่อการเรียน การเล่น การสื่อสาร การแสดงอารมณ์ที่ใบหน้า การกินและดื่ม และอาจมีผลกระทบต่อความสวยงามในระยะยาว
นอกจากนี้ อาการนี้อาจส่งผลกระทบต่อดวงตา ฟัน กราม หู จมูก คอ และยังอาจทิ้งผลข้างเคียง เช่น การหดตัวของกล้ามเนื้อในครึ่งหนึ่งของใบหน้า
สาเหตุของการเกิดอัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลาย ได้แก่ การสัมผัสความเย็นอย่างฉับพลัน การเจ็บป่วยจากโรคหู-จมูก-คอที่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี การบาดเจ็บที่กระดูกส่วนท้ายหู หรือบริเวณขมับ โรคที่เกี่ยวข้องกับกะโหลกศีรษะ เบาหวาน โรคหลอดเลือดแข็งตัว และความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยที่มีอาการอัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลายมักมีอาการเช่น: ต่อมของน้ำตาทำงานไม่ดี หนังตาตก ตาแห้ง ไม่สามารถกระพริบหรือลืมตาได้ ปากข้างที่มีอาการอัมพาตยิ้มไม่ได้ หรือไม่สามารถปิดปากได้ น้ำลายไหล กล้ามเนื้อใบหน้าข้างที่มีอาการอัมพาตหย่อน หรือแข็งตัวผิดปกติ ปากเบี้ยวไปข้างหนึ่ง เจ็บที่มุมกราม กระดูกท้ายหู ขมับ หรือหู การรับรสเปลี่ยนไป และมีอาหารติดในปาก หรือการดื่มน้ำอาจหกออกมาได้ง่าย
ทำไมไม่ควรอาบน้ำหลังดื่มแอลกอฮอล์?
นพ.ดวน ดู มังห์ กล่าวว่า กรณีของผู้ป่วยอายุ 47 ปีที่เป็นอัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลายเกิดจากการสัมผัสความเย็นจากการอาบน้ำดึก โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้ป่วยดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้หลอดเลือดขยายตัว การอาบน้ำในช่วงดึกจึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดอัมพาตเส้นประสาท
ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือด ยังกล่าวว่า การอาบน้ำหลังดื่มแอลกอฮอล์เป็นนิสัยที่อันตรายมาก เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการแตกของหลอดเลือด และการได้รับความร้อนจากการอาบน้ำอย่างกะทันหันจะยิ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจเสี่ยงได้
แม้กระทั่งการอาบน้ำอุ่นหลังดื่มแอลกอฮอล์ก็ไม่ควรทำ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำและการอาบน้ำอุ่นก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นการอาบน้ำอุ่นหลังดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น การอาบน้ำอุ่นอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเร็วขึ้น ส่งผลให้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มาถึงเร็วขึ้น
จากกรณีของผู้ป่วยดังกล่าว นพ.ดวน ดู มังห์ แนะนำว่า ไม่ควรอาบน้ำหลัง 22.00 น. และหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ไม่ควรไปอาบน้ำ
เพื่อป้องกันอัมพาตเส้นประสาทหมายเลข 7 ส่วนปลาย ควรหลีกเลี่ยงการเปิดแอร์เย็นหรือพัดลมที่เป่าลมตรงใบหน้า นอกจากนี้ ควรมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คอเลสเตอรอล ความดันโลหิต น้ำหนักตัว และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
นพ.ดวน ดู มังห์ ยังเตือนว่า หลังจากดื่มแอลกอฮอล์ หากมีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาโดยเร็ว