ฮาร์วาร์ดชี้ 1 กิจกรรมที่คน "สูงวัย" ทำแล้วความจำดีขึ้น ไม่ใช่โยคะ-ว่ายน้ำ แต่ง่ายกว่านั้นเยอะ!

งานวิจัยฮาร์วาร์ดชี้ 1 กิจกรรมที่คนอายุ 60+ ควรเน้น เพื่อเพิ่มพลังสมอง ให้มีความจำที่ดีขึ้น ไม่ใช่โยคะหรือว่ายน้ำ แต่ง่ายกว่านั้นเยอะ!

ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้เปิดเผยถึงการออกกำลังกายที่ “ดีที่สุด” ซึ่งคนอายุ 60 ปีขึ้นไปควรเน้น และวิธีการที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังในการเพิ่มพลังสมอง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในผู้สูงอายุ ช่วยให้จิตใจแจ่มใสและปกป้องความจำ และยังสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย

สำหรับผู้ที่เกษียณอายุแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดี แต่การจะเริ่มต้นจากตรงไหนก็อาจเป็นเรื่องยาก ทั้งนี้ ผลวิจัยแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในกิจวัตรประจำวัน สามารถส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเน้นที่กิจกรรมทางกาย ที่เป็นประโยชน์ต่อสมองและร่างกายเช่นเดียวกัน

ผู้เกษียณอายุสามารถส่งเสริมการทำงานของสมองได้ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพในแต่ละวัน และดำเนินชีวิตอย่างกระตือรือร้น แน่นอนว่าการออกกำลังกายทุกประเภทย่อมดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เช่น การว่ายน้ำ โยคะ ปั่นจักรยาน และอื่นๆ อีกมากมาย แต่มีอยู่ประเภทหนึ่งที่โดดเด่นกว่า และทำได้ง่ายมากๆ จากการวิจัยพบว่า “การเดิน” เป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับสมอง หลังจากอายุ 60 ปี

การเดิน เป็นกิจวัตรประจำวันที่ไม่เคร่งครัดเกินไป และง่ายต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ การเดินเร็วๆ กลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติยังมีประโยชน์อื่นๆ  เช่น เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังสมอง ขณะเดียวกันก็ช่วยลดระดับความเครียดซึ่งเชื่อมโยงกับการสูญเสียความทรงจำ การออกกำลังกายแบบมีแรงกระแทกต่ำช่วยให้ปรับใช้กับวิถีชีวิตได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ที่เกษียณอายุแล้ว

The Alzheimer's Society ระบุว่า “คอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่หลั่งออกมาเมื่อคุณเครียด มีความเชื่อมโยงกับปัญหาด้านความจำ นอกจากนี้ ความเครียดยังมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับภาวะต่างๆ เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ยังได้รับการเสนอแนะว่า เป็นปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมได้อีกด้วย”

การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งซึ่งตีพิมพ์โดยห้องสมุดการแพทย์แห่งชาติ ได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์หลายแง่มุมของการเดินต่อการมีอายุยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี  โดยระบุว่าการเดินช่วยลดความเสี่ยงของผลกระทบด้านสุขภาพที่รุนแรงต่างๆ ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง เบาหวานชนิดที่2 ความบกพร่องทางสติปัญญา และภาวะสมองเสื่อม

“ผลดีของการเดินต่อปัจจัยเสี่ยงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดนั้น มาจากผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต ระบบหัวใจและปอด และระบบภูมิคุ้มกัน” รายงานระบุ โดยผลการศึกษาสรุปว่าการปฏิบัติตามแนวทางการออกกำลังกายในปัจจุบัน และการ “เดินเร็ว” 30 นาทีต่อวัน เป็นเวลา 5 วัน สามารถลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับอายุได้

กลยุทธ์อื่นๆ ที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยปรับปรุงสุขภาพสมอง ได้แก่ การอ่านหนังสือทุกวัน การเข้าสังคม การไขปริศนา และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือทุกคน โดยเฉพาะผู้เกษียณอายุ ควรไปพบแพทย์เป็นประจำเพื่อดูแลสุขภาพร่างกายและสมอง