(1).jpg)
CEO ดัง "วอร์เรน บัฟเฟตต์" วัย 94 เผยเคล็ดลับอายุยืน ด้วย 3 นิสัยง่ายๆ ใครก็ทำตามได้
"วอร์เรน บัฟเฟตต์" CEO ดัง วัย 94 ปี เผยเคล็ดลับอายุยืน ด้วย 3 นิสัยง่ายๆ หากทำได้ต่อเนื่อง สุขภาพกายใจดีครบถ้วน
แท้จริงแล้ว เคล็ดลับอายุยืนของ “นักพยากรณ์แห่งโอมาฮา” นั้นเรียบง่ายกว่าที่หลายคนคิด
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตำนานนักลงทุนและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Berkshire Hathaway ไม่เพียงเป็นที่รู้จักจากความสำเร็จทางธุรกิจอันยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นที่ชื่นชมในเรื่องสุขภาพและจิตใจที่แจ่มใสแม้ในวัย 94 ปี แม้อายุเข้าใกล้ร้อยปี เขายังทำงานต่อเนื่อง และปรากฏตัวต่อสาธารณชนอยู่เสมอด้วยพลังบวก
แล้วอะไรคือเคล็ดลับอายุยืนและสุขภาพดีของ “นักพยากรณ์แห่งโอมาฮา”?
ไม่ใช่การกินคลีนสุดเข้มงวด หรือออกกำลังกายหนักหน่วง แต่บัฟเฟตต์กลับรักษาสุขภาพและความกระปรี้กระเปร่าได้ด้วย 3 นิสัยง่าย ๆ ดังนี้:
1. นอนหลับให้เพียงพอ
ในขณะที่ซีอีโอหลายคนเลือกตื่นแต่เช้าเพื่อความสำเร็จ บัฟเฟตต์กลับไม่ตามกระแสนั้น เขาเคยให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า
“ผมไม่อยากเริ่มทำงานตั้งแต่ตี 4 ผมชอบนอน และปกติก็จะนอนวันละ 8 ชั่วโมง”
นอกจากจะฟังเสียงร่างกายของตัวเองแล้ว บัฟเฟตต์ยังเชื่อมั่นว่า “การนอนหลับให้เพียงพอ” คือหัวใจสำคัญของสุขภาพทั้งกายและใจ
ในทางวิทยาศาสตร์ก็สนับสนุนแนวคิดนี้เช่นกัน งานวิจัยของสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า การนอนหลับอย่างมีคุณภาพวันละ 7–9 ชั่วโมง สามารถลดความเสี่ยงเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ถึง 30% รวมถึงลดโอกาสเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกมากมาย
ศาสตราจารย์แอนดรูว์ ฮิวเบอร์แมน นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ยังเคยเน้นว่า การนอนหลับที่เพียงพอ ไม่เพียงช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน แต่ยังช่วยพัฒนาความจำ ควบคุมอารมณ์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย
2. อ่านหนังสือทุกวัน
หากการนอนหลับคือการบำรุงร่างกาย การอ่านหนังสือก็เปรียบเสมือนการบำรุงจิตใจ สำหรับวอร์เรน บัฟเฟตต์ เขาใช้เวลาวันละ 5–6 ชั่วโมงในการอ่านและใคร่ครวญ โดยมองว่าช่วงเวลานี้คือช่วงที่เขาเติบโตอย่างแท้จริง ไม่ใช่ในแง่ทรัพย์สินเงินทอง แต่ในด้านความคิดและการมองโลก
การอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยเพิ่มพูนความรู้ แต่ยังเป็นการออกกำลังกายสมองที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ งานวิจัยระยะยาวนาน 14 ปีจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) พบว่า ผู้ที่รักษานิสัยอ่านหนังสือเป็นประจำ มีแนวโน้มลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยในผู้สูงวัย
กิจกรรมที่กระตุ้นการใช้สมองหลายส่วน เช่น การอ่านหนังสือ เล่นหมากรุก หรือแก้ปริศนาอักษรไขว้ ล้วนช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตและความไวของเส้นประสาทในสมอง งานวิจัยระยะยาว 14 ปีโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ ยังยืนยันว่า การอ่านหนังสือสามารถช่วยชะลอภาวะความจำเสื่อมได้จริง
สำหรับบัฟเฟตต์ การอ่านหนังสือในแต่ละวันไม่ใช่แค่กิจวัตร แต่เป็นวิถีชีวิตที่ช่วยให้เขามีสุขภาพดี มีความสุข และมีอายุยืน เพราะเมื่อสมองแข็งแรง ชีวิตก็ยืนยาวตามไปด้วย
3. ทำในสิ่งที่รัก
สำหรับวอร์เรน บัฟเฟตต์ ความสุขมีค่าสูงสุด เขาเชื่อว่า การได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักทุกวัน คือหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้เขามีสุขภาพดีและอายุยืน
ในหลายบทสัมภาษณ์ บัฟเฟตต์มักแนะนำคนรุ่นใหม่ให้เลือกทำงานที่ตนรู้สึกมีความสุขและสนุก มากกว่าทำเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว เขาเคยตั้งคำถามชวนคิดว่า
“ถ้าเราไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลย คุณอยากทำอะไรจริง ๆ? ทุกคนล้วนต้องใช้เงิน แต่คุณควรเลือกทำในสิ่งที่รัก โดยไม่ปล่อยให้เงินกลายเป็นสิ่งเดียวที่ชี้นำชีวิต”
ตัววอร์เรน บัฟเฟตต์เองก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของแนวคิดนี้ แม้ในวัยกว่า 90 ปี เขายังทำงานอย่างกระตือรือร้นทุกวัน ไม่ใช่เพราะต้องการเงินเพิ่มเติม แต่เพราะเขารู้สึกสนุกและมีความสุขกับบทบาทของตัวเองในบริษัท Berkshire Hathaway
นักวิจัยพบว่า ผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายและได้ทำในสิ่งที่ตนรัก มักมีอายุยืนกว่าคนทั่วไป และยังสามารถรับมือกับอารมณ์ด้านลบได้ดีกว่า ทั้งนี้เพราะคนที่รู้ว่าตนมีเป้าหมายอะไรในชีวิต มักจะดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีกว่า ส่งผลให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Science ก็สรุปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใด การมีเป้าหมายในชีวิตสามารถช่วยยืดอายุได้จริง
นิสัยใช้ชีวิตตามความหลงใหลนี้ ยังเป็นจุดร่วมที่เห็นได้ชัดในผู้คนที่อาศัยอยู่ใน “โซนสีฟ้า” หรือพื้นที่บนโลกที่ผู้คนมีอายุยืนกว่าค่าเฉลี่ย ในพื้นที่เหล่านี้ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักไม่เกษียณแบบเด็ดขาด พวกเขายังทำงานต่อไปโดยไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ แต่กลับมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่มีคุณค่า ความสุขจากการได้ทำในสิ่งที่รักทุกวัน จึงกลายเป็นพลังที่ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง และใจสดใสไปตลอดชีวิต