
ทำไมมหาเศรษฐี วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่เคยมอง "ทองคำ" เป็นการลงทุนระยะยาว?
เหตุผลที่ "วอร์เรน บัฟเฟตต์" มหาเศรษฐีระดับโลก ไม่เคยถือว่าทองคำคือการลงทุนระยะยาว
ในโลกการเงิน วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ถือเป็นสัญลักษณ์ของการลงทุนตามหลักการ “คุณค่าพื้นฐาน” เขามองว่าทรัพย์สินที่น่าลงทุนต้องสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนและให้กระแสเงินสดจริง
ดังนั้นทองคำที่แม้จะถูกมองว่าเป็นแหล่งเก็บมูลค่าแบบดั้งเดิม ก็ไม่เคยเป็นตัวเลือกหลักในพอร์ตของมหาเศรษฐีรายนี้
ทองคำ: ทรัพย์สินที่ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม
บัฟเฟตต์เคยระบุชัดในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ปี 2011 ว่าทองคำมี “2 ข้อเสียใหญ่: ไม่ให้คุณค่าการใช้งานมากนัก และไม่สร้างรายได้” เขาย้ำว่าการถือครองทองคำเป็นเวลานาน แม้จะปลอดภัย แต่สุดท้ายผู้ลงทุนก็ยังคงมีเพียงก้อนทองเท่าเดิม ไม่มีผลตอบแทนที่แท้จริงเกิดขึ้น
สำหรับเขา การลงทุนควรมุ่งไปที่สินทรัพย์ที่สร้างความมั่งคั่งและผลิตผลใหม่ได้ เช่น ธุรกิจ ที่ดินเกษตร หรืออสังหาริมทรัพย์ เขาเคยเปรียบว่า หากนำทองคำทั้งหมดในโลกมารวมกันจะกลายเป็นลูกบาศก์สูงเพียง 20 เมตร แต่ถ้าเปรียบเทียบมูลค่ากับที่ดินเกษตรทั่วสหรัฐฯ หรือตลาดน้ำมันและก๊าซขนาดใหญ่ การลงทุนในทรัพย์สินที่ “ทำงานได้จริง” ย่อมคุ้มค่ากว่า
ทองคำ = การเก็งกำไรบนความกลัว
บัฟเฟตต์ยังเปรียบเปรยการลงทุนทองคำว่าเป็น “การขุดขึ้นมาจากดิน หลอมแล้วนำไปฝังใหม่ และต้องจ้างคนเฝ้า” เพื่อชี้ให้เห็นว่าทองคำไม่ได้สร้างคุณค่าเพิ่มใด ๆ นักลงทุนเพียงหวังว่าคนอื่นจะซื้อในราคาสูงกว่า เขามองว่านี่ไม่ใช่การลงทุน แต่เป็น “การเดิมพันบนความกลัว” ของผู้คนในยามวิกฤติ
ข้อยกเว้นและความต่อเนื่องในปรัชญา
Berkshire Hathaway แทบไม่เคยลงทุนในทองคำ มีเพียงกรณีปี 2020 ที่ซื้อหุ้น Barrick Gold บริษัทเหมืองทองรายใหญ่ แต่สุดท้ายก็รีบขายออกไปในเวลาไม่นาน แสดงให้เห็นว่านั่นเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่การเปลี่ยนหลักการลงทุน
ทำไมยังยึดมั่น “ไม่แตะทองคำ”
แม้ราคาทองคำหลายช่วงเวลาจะพุ่งสูง โดยเฉพาะยามเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ บัฟเฟตต์กลับยึดมั่นกับพอร์ตที่เน้นหุ้นและธุรกิจจริง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าการถือทองคำในระยะยาว สำหรับเขา การลงทุนที่แท้จริงต้องสร้างมูลค่าใหม่ ไม่ใช่เพียงเก็บกักไว้เฉยๆ
สรุป
กรณีของวอร์เรน บัฟเฟตต์ตอกย้ำว่า การลงทุนที่ยั่งยืนไม่ใช่การไล่ตามสินทรัพย์ที่ “มาแรง” อย่างทองคำ แต่คือการยึดมั่นกับหลักการเลือกสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้จริง เขาเชื่อว่าธุรกิจและกิจการที่สร้างผลกำไรให้ผู้ถือหุ้นคือ “เครื่องจักรทำเงิน” ที่มั่นคงกว่าการถือครองทองคำในระยะยาว