.jpg)
ซูเปอร์โพลเผย คนไทยหลังสงกรานต์ "ทุกข์มากกว่าสุข" หวั่นปากท้อง ดันเศรษฐกิจเป็นวิกฤตศรัทธารัฐ
ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ “สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองในสายตาของประชาชน” พบคนไทยจำนวนมากยังเผชิญความทุกข์หลังเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจและความไม่มั่นคงในชีวิตประจำวัน ขณะที่ความนิยมต่อนายกรัฐมนตรีแพทองธารยังอยู่ในระดับสูง
การสำรวจโดยสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (Super Poll) ซึ่งดำเนินการระหว่างวันที่ 15–19 เมษายน 2568 ในกลุ่มตัวอย่าง 1,215 รายทั่วประเทศ พบว่า
- ร้อยละ 40.7 ของประชาชน “กลับมาทุกข์เหมือนเดิมหรือมากขึ้น” หลังสงกรานต์ โดยให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจย่ำแย่ ไม่มีงานทำ ปัญหาครอบครัว ยาเสพติด ความไม่ปลอดภัย และการเมืองที่วุ่นวายยังคงรุมเร้า
- เพียงร้อยละ 34.5 เท่านั้นที่รู้สึกมีความสุขเหมือนเดิมหรือเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ในครอบครัวและการทำบุญในช่วงวันหยุด
- ร้อยละ 24.8 รู้สึกกลางๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ เพราะยังมองไม่เห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น
เมื่อถามถึงภัยเศรษฐกิจที่น่ากังวลมากที่สุด
- ร้อยละ 81.9 กลัวเงินไม่พอใช้ ของแพง และค้าขายฝืดเคือง
- ร้อยละ 75.2 กลัวเงินเก็บหมด
- ร้อยละ 62.2 กังวลว่านโยบายรัฐบาลจะไม่สามารถทำได้จริง
- ร้อยละ 53.5 กลัวตกงาน ถูกลดเงินเดือน หรือถูกลดชั่วโมงทำงาน
ในด้านความมั่นใจต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 68.2 รู้สึก “ตกใจและไม่เชื่อมั่น” เมื่อต้องเผชิญเจ้าหน้าที่รัฐติดอาวุธ หรือการคุกคามในที่สาธารณะ อย่างไรก็ตาม ตำรวจ ยังคงเป็นจุดยึดความหวัง โดยร้อยละ 62.4 บอกว่ารู้สึกอุ่นใจเมื่อเห็นตำรวจตรวจตรา ขณะที่ร้อยละ 60.5 เชื่อมั่นเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐออกมาชี้แจงข้อสงสัย และร้อยละ 57.8 รู้สึกปลอดภัยเมื่อได้รับบริการด้านความยุติธรรม
นอกจากนี้ ผลสำรวจชี้ว่า ร้อยละ 60.3 ของประชาชนเชื่อมั่นในตัวนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า เธอเป็นผู้หญิงคนรุ่นใหม่ที่เก่ง ทำงานเร็ว มีนโยบายตอบโจทย์คนรายได้น้อย สื่อสารตรงใจ และปรับตัวเก่ง
ในขณะที่ ร้อยละ 24.8 ไม่เชื่อมั่น โดยให้เหตุผลเรื่องขาดประสบการณ์ และความเชื่อมโยงกับตระกูลการเมืองเดิม
และ ร้อยละ 14.9 ไม่มีความเห็น
ผอ.ซูเปอร์โพล ดร.นพดล กรรณิกา กล่าวว่า ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่าความทุกข์ของประชาชนกำลังเปลี่ยนจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ไปสู่ “โหมดเอาตัวรอด” มากกว่าการลงทุนเพื่ออนาคต พร้อมชี้ว่าความศรัทธาต่อรัฐไม่ได้ขึ้นกับอาวุธหรืออำนาจ แต่ขึ้นกับ “พฤติกรรม” และ “การสื่อสาร” ของเจ้าหน้าที่รัฐในเชิงรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง