เนื้อหาในหมวด ข่าว

น้ำหนักพุ่งในวัยกลางคนไม่ใช่เพราะกินเยอะ! งานวิจัยเผย \

น้ำหนักพุ่งในวัยกลางคนไม่ใช่เพราะกินเยอะ! งานวิจัยเผย "ผู้ร้ายตัวจริง" ของปัญหานี้

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม เปิดผลวิจัยล่าสุด น้ำหนักพุ่งในวัยกลางคน อาจไม่ใช่เพราะกินเยอะ เผย "ตัวการที่แท้จริง" ของปัญหานี้

หลายคนมักเข้าใจว่า น้ำหนักขึ้นเพราะกินเยอะหรือขยับตัวน้อยเกินไป แต่พออายุล่วงเข้าช่วง 30–40 ปี กลับพบว่า แม้จะกินน้อยลง หรือเริ่มออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไขมันกลับยังสะสมต่อเนื่อง ตัวเลขบนตาชั่งก็พุ่งไม่หยุด
รอบเอว ระดับน้ำตาล และคอเลสเตอรอลก็แอบสูงขึ้นตาม จนเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า...เรายังขาดวินัยอยู่หรือเปล่า? หรือยังพยายามไม่พอ?

ไขมันไม่ใช่ผลจากความขี้เกียจ แต่คือ “ความขัดแย้งภายในร่างกาย”

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม ดร.จาง เจียหมิง ชาวไต้หวัน อธิบายว่า ความจริงคือเราไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแค่ยังไม่เข้าใจ “ภาษาของร่างกาย” อย่างแท้จริง งานวิจัยล่าสุดในปี 2025 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications เผยให้เห็นมุมมองใหม่ว่า การอ้วนในวัยกลางคน มักไม่ได้เกิดจากความพยายามลดน้ำหนักที่ไม่พอ แต่เกิดจากการควบคุม “ภาวะอักเสบเรื้อรัง” ภายในร่างกายต่างหาก

งานวิจัยนี้พบว่า สาเหตุสำคัญของความอ้วนในวัยกลางคน อาจเกิดจาก “วิกฤตการสื่อสารภายใน” ระหว่างเซลล์ไขมันกับเซลล์ภูมิคุ้มกัน

ในช่วงวัยหนุ่มสาว เนื้อเยื่อไขมันจะมีเซลล์ชนิดหนึ่งเรียกว่า เซลล์ต้นกำเนิดไขมัน ซึ่งจะปล่อย ถุงส่งสารระหว่างเซลล์ (Extracellular Vesicles) ออกมา ภายในถุงนี้จะบรรจุ ไมโครอาร์เอ็นเอ (miR-145) ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่ส่งสาร

สารเหล่านี้เปรียบเสมือนช่องสนทนาระหว่างเซลล์ มีบทบาทในการส่งสัญญาณว่า “สงบไว้” หรือ “พักผ่อนเถอะ” เพื่อให้เซลล์ภูมิคุ้มกันในไขมัน โดยเฉพาะ แมคโครฟาจ (macrophage) อยู่ในภาวะสงบ ไม่ตอบสนองหรือโจมตีรุนแรงเกินความจำเป็น

แต่เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน เซลล์ต้นกำเนิดไขมันเหล่านี้เริ่มเสื่อมสภาพ จำนวนถุงส่งสารระหว่างเซลล์ที่ปล่อยออกมาก็ลดลง แถมยังมีไมโครอาร์เอ็นเอในถุงน้อยลงอย่างมาก เมื่อแมคโครฟาจไม่ได้รับสัญญาณเหมือนเคย จึงเริ่ม “ตีความสถานการณ์เอง” และตอบสนองเกินความจำเป็น ส่งผลให้เกิดการอักเสบมากขึ้น จนเนื้อเยื่อไขมันเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า “การอักเสบเรื้อรังจากความเสื่อม”

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ทำให้เราอ้วนขึ้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะดื้อต่ออินซูลิน การสะสมไขมัน และความผิดปกติของระบบเผาผลาญ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สุขภาพของเราถดถอยในวัยกลางคน

ก่อนจะ “เผาผลาญไขมัน” ต้องทำให้เซลล์สงบลงก่อน

งานวิจัยนี้เผยความจริงที่เราอาจมองข้ามไป นั่นคือ คนเราไม่ได้อ้วนเพราะกินมากเกินไป แต่อ้วนเพราะเซลล์ไขมันกำลังอยู่ในภาวะอักเสบตลอดเวลา ดังนั้นจุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนัก ไม่ควรเป็นการเร่งรีบแบบควบคุมอาหารเข้มข้นหรือออกกำลังกายจนเหงื่อท่วม

แต่ควรเริ่มจากการ “เหยียบเบรก” คือ ทำให้การอักเสบภายในร่างกายลดลง ฟื้นฟูการสื่อสารระหว่างเซลล์ให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง ระบบการเผาผลาญไขมันจึงจะเริ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเหมือน Wi-Fi ที่บ้านเสีย เว็บโหลดไม่ได้ ไม่ควรโทษว่าเป็นเพราะมือถือแย่ หรือกดรีเฟรชรัว ๆ แต่ควรหันไปเช็กว่า “เราท์เตอร์” พังหรือเปล่า

ไมโครอาร์เอ็นเอก็คือรหัสเชื่อมต่อ “Wi-Fi ของเซลล์” ที่สำคัญ หากเราเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการอักเสบกับไมโครอาร์เอ็นเอ ก็จะช่วยให้เราปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันได้ถูกจุด ไม่ต้องลดน้ำหนักแบบลองผิดลองถูกอีกต่อไป

ด้านโภชนาการ ดร.จาง เจียหมิง แนะนำว่า ควรเพิ่มอาหารจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเข้าไปในมื้ออาหาร เช่น ปลาในทะเลน้ำลึกที่อุดมด้วยโอเมก้า-3 น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ รวมถึงชาเขียว ขมิ้น และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมด้วยโพลีฟีนอล

อาหารเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดการอักเสบในร่างกาย แต่ยังอาจช่วยให้เซลล์ต้นกำเนิดไขมันกลับมาทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

การออกกำลังกายก็สำคัญไม่แพ้กัน แต่ไม่จำเป็นต้องหักโหม การฝึกแบบแอโรบิกสลับพัก (Interval Cardio) และการฝึกแรงต้าน (Resistance Training) จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันและฟื้นฟูเซลล์ต้นกำเนิดได้ดีกว่า ไม่จำเป็นต้องวิ่งวันละ 10 กิโลเมตร เพราะสำหรับร่างกายวัยกลางคน อาจกลายเป็นความเครียดมากกว่าประโยชน์

อย่าละเลยเรื่องการนอนหลับและความเครียดเด็ดขาด เพราะความเครียดเรื้อรังคือแหล่งเพาะการอักเสบในร่างกาย ขณะที่การอดนอนต่อเนื่อง ก็จะรบกวนความเสถียรของไมโครอาร์เอ็นเอ และการทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดโดยตรง การลดน้ำหนักจึงไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย แต่คือการฟื้นสมดุลทั้งอารมณ์และการใช้ชีวิตในแต่ละวัน

ทิศทางใหม่ของการแพทย์แม่นยำยุคปัจจุบัน: เป้าหมายไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก แต่คือการซ่อมแซมสัญญาณอักเสบในร่างกาย

งานวิจัยชิ้นนี้ยังเผยแนวทางการรักษาอันล้ำสมัย โดยใช้ไลโปโซมชนิดพิเศษ นำไมโครอาร์เอ็นเอ ซึ่งเป็นสารสื่อกลางสำคัญ ส่งกลับเข้าไปในเซลล์ภูมิคุ้มกัน (แมคโครฟาจ) ช่วยหยุดยั้งการอ้วนของหนูทดลองวัยกลางคนที่กินอาหารไขมันสูง พร้อมทั้งฟื้นฟูความไวต่ออินซูลิน และลดการอักเสบในไขมันได้อย่างเห็นผล

นี่ไม่ใช่แค่ก้าวสำคัญในห้องแล็บ แต่ยังสะท้อนว่าอนาคตของการลดน้ำหนัก จะเปลี่ยนจาก “ควบคุมแคลอรี” สู่ “ฟื้นฟูการสื่อสารของร่างกาย” อย่างแท้จริง

ดร.จาง เจียหมิง กล่าวว่า ในอนาคตเราอาจได้เห็นแนวทางใหม่ของการดูแลสุขภาพหรือการรักษา ที่ใช้เทคโนโลยีส่งสัญญาณแบบตรงเป้าหมายผ่านไมโครอาร์เอ็นเอหรือถุงสื่อสารระหว่างเซลล์ (Extracellular Vesicles)
เพื่อฟื้นฟูการสื่อสารระหว่างเซลล์โดยตรง

แนวทางนี้จะช่วยสร้างความสมดุลภายในเนื้อเยื่อไขมันตั้งแต่ต้นตอ และอาจนำไปสู่การควบคุมน้ำหนักที่ไม่กลับมาอ้วนซ้ำ ไม่มีผลข้างเคียง และเป็นการดูแลสุขภาพที่แท้จริงในระยะยาว

ไม่ได้หมายความว่าเราขาดวินัย แต่มันถึงเวลาที่ต้องช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลใหม่

เราเคยมักโทษตัวเองว่าอ้วนเพราะ "ขาดวินัย" หรือ "ไม่พยายามพอ" แต่การศึกษานี้บอกเราว่า การอ้วนไม่ได้เกี่ยวกับความตั้งใจ แต่มันคือการสื่อสารผิดพลาดระหว่างเซลล์

ดร.จาง เจียหมิง ย้ำว่า เมื่อเราเข้าใจปัญหาจริง ๆ ของร่างกาย เราจะสามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ไขได้ ไม่ใช่การตำหนิหรือลงโทษ แต่คือการฟื้นฟูและปรับสมดุล

นี่คือความจริงของการรักษาสุขภาพในวัยกลางคน แทนที่จะต่อสู้กับไขมัน เราควรเข้าใจสัญญาณของมัน เมื่อการอักเสบสงบลง และเซลล์สื่อสารกันได้อย่างปกติ เราจะกลับมาเป็นตัวเองที่มีชีวิตชีวาและสมดุลอีกครั้ง

รู้ยัง? หมอเผย นอนหลับตอนไหน “อันตรายที่สุด” น้ำหนักพุ่ง สมองล้า สุขภาพจิตเสื่อมถอย!

รู้ยัง? หมอเผย นอนหลับตอนไหน “อันตรายที่สุด” น้ำหนักพุ่ง สมองล้า สุขภาพจิตเสื่อมถอย!

แพทย์เผย “ช่วงเวลาอันตรายที่สุดในการนอนหลับ” ส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำน้ำหนักพุ่ง สุขภาพจิตเสื่อมถอย

ชายวัย 45 กินขนมปังทุกเช้า น้ำหนักพุ่ง 10 โล เปลี่ยนมากิน \

ชายวัย 45 กินขนมปังทุกเช้า น้ำหนักพุ่ง 10 โล เปลี่ยนมากิน "ชุดอาหารนี้" ลดได้ 5 โล

ชายวัย 45 กินขนมปังทุกเช้า ผ่านไป 3 ปี น้ำหนักขึ้น 10 โล เปลี่ยนมากิน "ชุดอาหารนี้" ผอมลง แถมน้ำตาลในเลือดกลับมาเป็นปกติ

หมอเล่าประสบการณ์ตรง แค่ปีเดียว น้ำหนักพุ่ง 10 โล เปลี่ยนนิสัยการกิน ลดได้ 20 โล

หมอเล่าประสบการณ์ตรง แค่ปีเดียว น้ำหนักพุ่ง 10 โล เปลี่ยนนิสัยการกิน ลดได้ 20 โล

หมอเล่าประสบการณ์ น้ำหนักขึ้น 10 โล ใน 1 ปี เกือบขิตเพราะภาวะหัวใจขาดเลือด หลังรอดมาได้ เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน จนลดได้ 20 โล

หมอยังพลาดได้ กินเมนู \

หมอยังพลาดได้ กินเมนู "เพื่อสุขภาพ" แทนข้าวมื้อดึก กว่าจะรู้ตัวน้ำหนักพุ่งพรวด 30 กก.

ขนาดหมอยังพลาด! แพทย์หญิงกินเมนู "เพื่อสุขภาพ" แทนข้าวมื้อดึก น้ำหนักพุ่งพรวด 30 กก. คนส่วนใหญ่ทำผิดแบบเดียวกัน

\

"บุ๋ม ตรีรัก" พลีชีพ! เปิดพุงโชว์ น้ำหนักพุ่งกว่า 10 กิโล รู้สาเหตุแล้วอึ้งมาก?

"บุ๋ม ตรีรัก" เซ็กซี่ควีนระดับตำนาน พลีชีพ! เปิดพุงโชว์ หลังน้ำหนักตัวพุ่งกว่า 10 กิโลกรัม ทำแฟนคลับอึ้ง หลังได้รู้สาเหตุ?