เนื้อหาในหมวด ข่าว

สมาคมนักอุทกวิทยาไทย จัดเสวนาวิชาการ \

สมาคมนักอุทกวิทยาไทย จัดเสวนาวิชาการ "ความเสี่ยง ภัยพิบัติทางน้ำ 2025 ในภาวะภูมิอากาศสุดขั้ว"

สมาคมนักอุทกวิทยาไทย ร่วมกับกรมชลประทาน และสมาคมศิษย์เก่าวิศวกรรมชลประทานในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเวทีเสวนาวิชาการ "ความเสี่ยง ภัยพิบัติทางน้ำ 2025 ในภาวะภูมิอากาศสุดขั้ว" เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำปี 2568 ได้อย่างทันท่วงที

วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 สมาคมนักอุทกวิทยาไทย ร่วมกับกรมชลประทาน และสมาคมศิษย์เก่าวิศวกรรมชลประทาน ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดประชุมเสวนาทางวิชาการ "ความเสี่ยง ภัยพิบัติทางน้ำ 2025 ในภาวะภูมิอากาศสุดขั้ว" ณ หอประชุมชูชาติ กำภู สถาบันพัฒนาการชลประทาน ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในปี 2568

โดยได้รับเกียรติจาก นายสัญชัย เกตุวรชัย นายกสมาคมนักอุทกวิทยาไทย เป็นประธานเปิดงาน โดยมี รศ.ดร.บัญชา ขวัญยืน อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา ร่วมกับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ท่าน ได้แก่ นายชยันต์  เมืองสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐผู้อำนวยการศูนย์ อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, นายสมควร  ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา และนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน นับเป็นการเปิดพื้นที่ในการนำเสนอข้อมูล แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพอากาศ แนวโน้มสถานการณ์น้ำ การเตรียมพร้อมของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตลอดจนนโยบายรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำของประเทศ
854958_0นายสัญชัย เกตุวรชัย นายกสมาคมนักอุทกวิทยาไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันสภาพอากาศของโลกได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน เกิดปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยรุนแรงในประเทศต่างๆทั่วโลก ในปีพ.ศ. 2568 นี้ อิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลโซ่ (ENSO) ได้เข้าสู่สภาวะเป็นกลาง และมีแนวโน้มจะคงอยู่เช่นนี้ไปจนถึงช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน โดยกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศว่า ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการตั้งแต่ วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 คาดการณ์ภาพรวมฝนปีนี้ มีแนวโน้มตกน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ด้านพายุจรคาดว่าจะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยประมาณ 1-2 ลูก โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ทั้งนี้ ในช่วงก่อนเข้าฤดูฝนตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน เป็นต้นมา ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากกระจายเกือบทั่วประเทศ ส่งผลให้สภาพพื้นดินชุ่มน้ำตั้งแต่ต้นฤดูฝน อาจทำให้เกิดปัญหาอุทกภัยขึ้นได้

"งานเสวนาวิชาการในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูล แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพอากาศ แนวโน้มสถานการณ์น้ำ การเตรียมพร้อมของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตลอดจนนโยบายการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลในการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำ ที่จะเกิดขึ้นปี 2568 โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยา หน่วยปฏิบัติงานและหน่วยงานกำหนดนโยบายในการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ตลอดจนหน่วยงานฝ่ายบริหารของรัฐบาลมาเป็นวิทยากรในครั้งนี้  หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดเสวนาในครั้งนี้จะทำให้ผู้เข้าร่วมการเสวนาได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวคิดกันอย่างกว้างขวาง รวมทั้งได้ข้อสรุปที่ก่อให้เกิดประโยชน์สามารถนำไปปฏิบัติเพื่อลดภัยพิบัติจากน้ำของประเทศต่อไป" นายสัญชัย กล่าวเพิ่มเติม
854960_0นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา กรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานในฐานะหน่วยงานปฏิบัติ ได้ถอดบทเรียนจากภัยพิบัติที่ผ่านมา อาทิ อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม และแผ่นดินไหว เพื่อนำมาปรับใช้ในการวางแผนรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2568 กรมชลประทานได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านเครื่องจักรและเครื่องมือ โดยติดตั้งไว้ตามจุดเสี่ยงทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกภูมิภาค และสามารถปฏิบัติงานได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ พร้อมทั้งมีการคาดการณ์ปริมาณน้ำและปริมาณฝน เพื่อช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัยในทุกพื้นที่ และมีการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้เกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ

ในด้านการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำ กรมชลประทานได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ อาทิ เรดาร์ตรวจอากาศแบบ Solid-state X-band RID เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์, SWAMP แพลตฟอร์มบริหารจัดการน้ำที่ครอบคลุม 22 ลุ่มน้ำหลักทั่วประเทศ พัฒนาระบบวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลด้านการจัดการน้ำอย่างครบวงจร, rriSAT เทคโนโลยีสำหรับประเมินความต้องการใช้น้ำของพืชล่วงหน้า 7 วัน

ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และยกระดับการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้มีความแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

เว็บไซต์ดังเผย \

เว็บไซต์ดังเผย "10 นามสกุลที่คนไทยใช้มากที่สุด" ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คาดไม่ถึงจริงๆ!

เว็บไซต์ forebears ระบุว่า ประชากรคนไทยกว่า 71 ล้านคนในปัจจุบัน มีนามสกุลให้ใช้แตกต่างกันมากถึง 2,435,104 นามสกุล ซึ่งโดยเฉลี่ย 1 นามสกุลจะมีผู้ใช้ราว 28 คน

ชป. ร่วม 8 หน่วยงานลงนาม MOU ตั้ง \

ชป. ร่วม 8 หน่วยงานลงนาม MOU ตั้ง "War Room" แจ้งเตือนภัย เสริมศักยภาพบริหารจัดการภัยพิบัติระดับชาติ

ช่วงบ่ายวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุม 1 ปภ. อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายวิทยา แก้วมี รองอธิบดีกรมชลประทาน

หมอไต้หวันเตือน \

หมอไต้หวันเตือน "โควิด" กลับมาหนักอีก รอบนี้พ่อแม่ต้องสังเกต "1 อาการ" ในเด็กเล็ก

เตือนผู้ปกครอง! โควิดระบาดอีกระลอก เด็กเล็กป่วยเพิ่ม แพทย์แนะ ผู้ปกครองสังเกตอาการเหล่านี้ ในลูกเล็ก