.jpg)
ลูกสะใภ้แทบไม่เชื่อหู แม่ผัวเป็นอัลไซเมอร์ จู่ๆ เผย "ความลับ" สุดช็อกของครอบครัว
แม่สามีเป็นโรคอัลไซเมอร์ จู่ๆ เปิดเผยความลับสุดช็อกให้ลูกสะใภ้ฟัง ที่อาจทำให้ครอบครัวต้องสั่นคลอน
เว็บไซต์ SOHA เล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวจีนครอบครัวหนึ่ง เมื่อลูกสะใภ้ได้ฟังความลับสุดช็อกของครอบครัวจากปากแม่สามี แต่ไม่รู้จะเชื่อหรือไม่เชื่อดี เพราะแม่สามีเป็นโรคอัลไซเมอร์มานานแล้ว แต่เรื่องราวดังกล่าวทำเอาสามีของเธอกลัดกลุ้มอย่างหนัก ขณะที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าควรพาสามีไปตรวจ DNA ดีหรือไม่
ลูกสะใภ้รายนี้ เล่าว่า "ฉันไม่รู้ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งที่แม่สามีพูดออกมา แม่สามีเป็นโรคอัลไซเมอร์ ความทรงจำสลับเลือนลางบ้างชัดเจนบ้าง แต่เรื่องที่ท่านเล่านั้นชัดเจนและละเอียดจนฉันไม่อาจมองข้ามไปได้ เพราะไม่เหมือนคำพูดของคนหลงลืม
เรา 3 คนอยู่ด้วยกันในบ้านเดียว แม่สามีของฉันตอนนี้อายุใกล้ 70 ปีแล้ว เป็นโรคอัลไซเมอร์มาหลายปี บางวันท่านจำไม่ได้ว่านี่ลูกชายตัวเอง แต่บางครั้งก็ยังเรียกชื่อหลาน ๆ ที่ผ่านมาหลายสิบปี ฉันยังรักและดูแลท่านเหมือนแม่แท้ ๆ สามีฉันเป็นลูกคนเดียว เขาทำงานทั้งวัน ส่วนฉันดูแลแม่สามี ทำความสะอาดและเตรียมอาหาร
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งวันหนึ่งตอนบ่ายแม่สามีดูตื่นตัวผิดปกติ ตอนนั้นฉันกำลังสระผมให้ท่าน ทันใดท่านจับมือฉันแน่น มองตรงเข้าไปในตาของฉันแล้วพูดว่า “รู้ไหม ลูกฮุยไม่ใช่ลูกของพ่อมันนะ แต่เป็นลูกของลุงทีที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ฉันเก็บเป็นความลับ ไม่มีใครรู้ พ่อมันใจดีเกินไป ฉันเลยไม่กล้าบอกใคร”
ฉันช็อกจนพูดไม่ออก
ฮุย สามีของฉัน ตลอดมาคือภาพลักษณ์ของสามีในอุดมคติ รับผิดชอบ มีน้ำใจ และรักครอบครัว เขามีใบหน้าคล้ายกับพ่อของเขาเป๊ะ ๆ แล้วเรื่องนั้นจะเป็นจริงได้อย่างไร?
ฉันพยายามถามซ้ำว่า “แม่พูดอะไรหรือคะ? แม่จำผิดแน่ ๆ ใช่ไหม?”
แม่สามีพูดซ้ำอีกครั้ง พร้อมเล่าละเอียดว่า “ลุงที” ช่างซ่อมรถเป็นคนที่แอบคบหากับแม่สามีในช่วงที่สามีฉันไปทำงานไกล “ตอนนั้นฉันยังสาวและเหงามาก…” แม่สามีเล่า พร้อมน้ำตาที่ไหลรินผ่านเส้นผมสีขาว
ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับข่าวนี้อย่างไร
ฉันเล่าให้สามีฟัง แต่เขาปฏิเสธว่า “แม่หลง ๆ ลืม ๆ ไปแล้ว อย่าไปคิดมาก” แต่หลังจากวันนั้น ฉันเห็นเขานั่งคิดมากขึ้น ลองเปิดดูรูปเก่า ๆ และถามแม่บ่อยขึ้น แม้จะยังพูดปากว่าไม่เชื่อก็ตาม
ฉันเริ่มกังวลใจ หากคำพูดของแม่สามีเป็นความจริง นั่นหมายความว่าสามีของฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตท่ามกลางการหลอกลวง แม่สามีเก็บความลับนี้มานานกว่า 30 ปี และตอนนี้เมื่อความทรงจำเริ่มพร่ามัว เธอกลับเผลอเปิดเผยออกมา
ฉันลังเลใจว่าจะพาสามีไปตรวจดีเอ็นเอดีไหม หากผลเป็นจริง ครอบครัวเราจะอยู่กันอย่างไร แม่สามีจะทนรับความเจ็บปวดเมื่อลูกชายรู้ความจริงได้หรือ? แต่ถ้าไม่ทำให้ชัดเจน ฉันก็จะยังคงอยู่กับความสงสัยและความกังวลนี้ไปตลอด
ฉันไม่ได้โกรธแม่สามี เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยผ่านช่วงเวลาขาดความรักมา แต่ฉันก็สงสารสามีของฉันที่ไม่ควรต้องเผชิญกับความเจ็บปวดนี้ ในวัยใกล้ 40 ปี ที่ความเชื่อมั่นในครอบครัวคือสิ่งเดียวที่เขายึดถือ
ฉันเขียนข้อความนี้ด้วยใจที่สับสน หากเป็นคุณ คุณจะเลือกทำอย่างไร จะปล่อยให้เรื่องผ่านไปหรือจะเปิดโปงความจริงและยอมรับผลลัพธ์? ฉันยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะมีความกล้าพอสำหรับทางเลือกใด..."