.jpg)
วิจัยฮาร์วาร์ด เผย 3 นิสัยที่ถูกมองว่าไม่ดี อาจเป็นสัญญาณของ "เด็กฉลาด" เกินวัย
งานวิจัยฮาร์วาร์ดเผย 3 พฤติกรรมที่หลายคนมองว่าไม่ดี แต่จริง ๆ แล้วอาจเป็นสัญญาณของเด็กที่ฉลาดเกินวัย
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เผยว่า พฤติกรรม 3 อย่างในเด็กที่ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นเรื่องไม่ดี แท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณของความฉลาดล้ำ หากพ่อแม่เข้าใจและมองเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยให้ลูกได้พัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่ และมีโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคต
1. ชอบเหม่อลอย – สะท้อนจินตนาการที่ลึกซึ้ง
ผู้ปกครองหลายคนมักกังวลเมื่อลูกชอบนั่งนิ่ง ๆ เหม่อลอย หรือดูเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว เพราะคิดว่าเป็นสัญญาณของความเฉื่อยชา หรือขาดสมาธิ
แต่จากมุมมองของนักจิตวิทยาแห่งฮาร์วาร์ด พบว่า ขณะที่เด็กเหม่อลอย สมองของพวกเขากำลังทำงานอย่างเข้มข้น เพื่อประมวลผลข้อมูลและสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ
นอกจากนี้ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย East Anglia ยังสนับสนุนว่า การฝันกลางวันช่วยกระตุ้นจินตนาการ ทำให้เด็กมีความคิดยืดหยุ่น และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในความเป็นจริง อัจฉริยะระดับโลกอย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และไอแซก นิวตัน ต่างก็ขึ้นชื่อเรื่องการ "เหม่อลอย" แต่กลับเป็นช่วงเวลาเหล่านั้นที่ช่วยให้พวกเขาค้นพบแนวคิดยิ่งใหญ่ และวางรากฐานให้กับสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนโลก
ดังนั้นแทนที่จะกังวลเมื่อเห็นลูกเหม่อลอย พ่อแม่อาจหันมาส่งเสริมจินตนาการของลูกผ่านกิจกรรมอย่างการวาดภาพ เขียนนิทาน หรือการสำรวจความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ เพราะบางครั้งช่วงเวลาแห่งความฝันนั้น อาจเป็นจุดเริ่มต้นของพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ในอนาคต
2. อ่อนไหวทางอารมณ์ – สัญญาณของความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) สูง
เด็กที่มีความรู้สึกไว มักตอบสนองทางอารมณ์รุนแรง เช่น ร้องไห้ง่ายเมื่อถูกตำหนิ หรือรู้สึกไม่ยุติธรรม ซึ่งทำให้พ่อแม่หลายคนกังวล คิดว่าลูกอ่อนแอเกินไป
แต่จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า นี่คือหนึ่งในสัญญาณของความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในชีวิต เด็กที่มี EQ สูงจะเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง รู้จักควบคุมความรู้สึก และสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บุคคลระดับโลกอย่างสตีฟ จ็อบส์ บิล เกตส์ หรือโอปราห์ วินฟรีย์ ต่างก็มี EQ ที่โดดเด่น ซึ่งช่วยให้พวกเขาเชื่อมโยงกับผู้คน และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
เพราะฉะนั้น แทนที่จะพยายามให้ลูกเข้มแข็ง พ่อแม่ควรช่วยให้ลูกเรียนรู้ที่จะเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ตัวเอง ส่งเสริมให้กล้าแสดงความรู้สึก ฝึกให้รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ผ่านกิจกรรมอย่างการอ่านหนังสือ การสวมบทบาท หรือการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม เพราะเด็กที่มีความอ่อนไหว หากได้รับการเลี้ยงดูอย่างเข้าใจและถูกทาง จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ลึกซึ้ง เข้าใจคน และมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงในอนาคต
3. ชอบพูด ชอบโต้แย้ง – สัญญาณของการคิดวิเคราะห์เฉียบคม
หากลูกชอบตั้งคำถาม ถกเถียง หรือแย้งความเห็นบ่อย ๆ พ่อแม่ไม่ควรรู้สึกรำคาญ เพราะจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า นี่ไม่ใช่แค่ความดื้อรั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณว่าลูกมีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของความมั่นใจ ความลุ่มลึก และความสำเร็จในอนาคต
เด็กกลุ่มนี้มักมีคลังคำศัพท์หลากหลาย อธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน คิดเร็ว และไม่ยอมรับข้อมูลแบบผิวเผิน แต่ชอบค้นคว้า วิเคราะห์ และหาความจริงให้ลึกซึ้ง
เพราะฉะนั้น แทนที่จะห้าม พ่อแม่ควรส่งเสริมลูกให้พัฒนาทักษะการโต้แย้งและคิดอย่างมีเหตุผล ผ่านกิจกรรมอย่างเข้าชมรมโต้วาที การอ่านหนังสือ หรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์และพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อความสำเร็จ
แทนที่จะกังวลหรือพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมที่ดูเหมือนไม่ดีของลูก พ่อแม่ควรมองเห็นว่าสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของความฉลาดล้ำ การสนับสนุนและปลูกฝังอย่างถูกวิธีจะช่วยให้เด็กเติบโตอย่างมั่นใจ และก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตได้อย่างเต็มศักยภาพ