
เตือน 4 อาหารคือ "วิญญาณร้าย" กินไปฆ่าตับไม่รู้ตัว กูรูแนะ 2 วิธีฟื้นฟูให้แข็งแรง!
ผู้เชี่ยวชาญเตือน 4 อาหารตัวร้ายที่ทำร้ายตับ พร้อมแนะนำ 2 วิธีง่ายๆ ช่วยฟื้นฟูตับให้แข็งแรง
สารพิษที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกสลายและเผาผลาญส่วนใหญ่ผ่านทางตับ โดยเปลี่ยนสารพิษให้เป็นสารพิษที่ไม่เป็นพิษหรือมีพิษน้อยกว่า ดังนั้น เมื่อตับทำงานผิดปกติ ของเสียและสารพิษจะไม่ถูกกำจัดออกจากร่างกายทันที แต่จะสะสมจนส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย ลดความต้านทานและภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ดังนั้นการดูแลตับจึงเป็นการบำรุงชีวิต
ผู้เชี่ยวชาญด้านตับจากช่อง “Bác sĩ Gia đình" หรือคุณหมอประจำบ้าน จากประเทศเวียดนาม เตือนว่า หากต้องการรักษาการทำงานของตับให้ดี ก็เท่ากับเป็นการยืดอายุขัยของเราไปด้วย เพราะตับเป็นอวัยวะสำคัญในการกำจัดสารพิษจากร่างกาย หากตับเสียหาย สารพิษจะสะสมและกระทบต่อภูมิคุ้มกัน รวมถึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยง 4 อาหารทำลายตับ ดังต่อไปนี้
ช่วงหน้าร้อนที่อากาศร้อนชื้น เป็นสภาวะที่เชื้อราสามารถเติบโตได้ดี โดยเฉพาะอาหารที่เก็บไม่ถูกวิธี เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด ผลไม้ หรือขนมปัง หากมีเชื้อราขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย ก็ควรทิ้งทันที เพราะอาจมีสารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งตับที่อันตรายถึงชีวิต
อาหารทะเล เช่น หอยนางรม หอยแครง หรือกุ้งดิบ เป็นของโปรดของหลายคน แต่เสี่ยงต่อการได้รับปรสิตหรือแบคทีเรีย เช่น พยาธิใบไม้ตับ ที่อาจทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร หรือรุนแรงถึงขั้นทำให้ตับอักเสบและหมดสติได้
ไขมันส่วนใหญ่จะถูกย่อยและเผาผลาญที่ตับ หากรับประทานมากเกินไป จะทำให้ไขมันสะสมที่ตับ จนเกิดภาวะไขมันพอกตับ ควรลดอาหารทอด อาหารมัน และเนื้อสัตว์ติดมัน และหันมาเลือกวิธีปรุงแบบนึ่ง ต้ม หรือตุ๋น แทนการทอดหรือผัด และเลี่ยงเนื้อแปรรูป เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก
แอลกอฮอล์ถึง 90% ต้องผ่านการแปรสภาพที่ตับ และเมื่อเข้าสู่เซลล์ตับจะกลายเป็นสารอะซีตัลดีไฮด์ (Acetaldehyde) ซึ่งมีพิษต่อเซลล์ตับโดยตรง หากดื่มต่อเนื่องหรือในปริมาณมาก อาจนำไปสู่โรคตับจากแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ตับแข็ง
แนะนำ 2 วิธีง่ายๆ ที่ช่วยฟื้นฟูตับให้แข็งแรง
การนั่งนานเกินไปทำให้ระบบเผาผลาญและการไหลเวียนโลหิตช้าลง ส่งผลให้สารพิษสะสมในร่างกายมากขึ้น ทางที่ดีควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับตับและช่วยการทำงานของตับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วงเวลา 23.00 น. ถึง 03.00 น. เป็นช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ตับ หากยังไม่เข้านอนในช่วงนี้ จะกระทบต่อกระบวนการฟื้นฟูตับอย่างรุนแรง แนะนำให้นอนก่อน 5 ทุ่มและนอนหลับให้เพียงพอในแต่ละคืน
ทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้นล้วนเป็นเคล็ดลับดูแลตับที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสุขภาพของตับขึ้นอยู่กับ 30% จากการรักษา และ 70% จากการดูแลตัวเอง ดังนั้น นอกจากหลีกเลี่ยงอาหารเสี่ยงและดูแลการใช้ชีวิตแล้ว ควรรักษาอารมณ์ให้แจ่มใส หลีกเลี่ยงความเครียดและความโกรธ โดยเฉพาะอารมณ์โมโหที่ไม่ควรยืดเยื้อเกิน 3 นาที
ขณะเดียวกัน อาหารที่ช่วยลดภาวะ “ตับร้อน” เช่น มะระหรือลูกแอปเปิล ก็สามารถรับประทานได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งการดื่มน้ำชาจางๆ ยังช่วยล้างพิษตับ ลดความเครียด และช่วยปรับสมดุลภายในได้อย่างดี
ดังนั้น อย่าลืมว่าหากต้องการมีสุขภาพตับที่ดี ควรเริ่มจากการเลี่ยงอาหารอันตราย 4 อย่าง และหันมาใส่ใจการใช้ชีวิตด้วยการออกกำลังกายและนอนพักผ่อนให้พอเพียง เพราะการดูแลตับ ก็คือการดูแลชีวิตในระยะยาวนั่นเอง