เนื้อหาในหมวด ข่าว

\

"มะเร็งปอด" ผัวตาย เมียนอนป่วย ทั้งที่ไม่สูบไม่ดื่ม แพทย์ชี้ฆาตกรล่องหน คือนิสัยทำอาหาร!

แพทย์เตือน 3 นิสัยการทำอาหารที่เป็น “ฆาตกรเงียบ” ในครัว ทำให้คู่รักป่วยมะเร็งปอด สามีเสียชีวิตสลด ภรรยายังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล

นายแพทย์จู ป๋อเฉียน ผู้เชี่ยวชาญด้านปอดและการผ่าตัดทรวงอกจากไต้หวัน เตือนว่า “หลายคนยังคิดว่ามะเร็งปอดมาจากการสูบบุหรี่ สูดควันบุหรี่ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษรุนแรง หรือทำงานกับสารเคมีอันตราย แต่จริงๆ แล้ว ในครัวเองก็มีสารพิษร้ายแรงต่อปอดซ่อนอยู่ หากทำอาหารไม่ถูกวิธี”

ในการเข้าร่วมรายการออนไลน์ Health 2.0 เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เล่าเคสของคู่สามีภรรยาชาวไต้หวันอายุเกิน 50 ปี ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายเกือบทุกวัน แต่กลับพบว่าทั้งคู่เป็นมะเร็งปอด

ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ภรรยาคือ "คุณอู๋" มีอาการไอเรื้อรัง เจ็บหน้าอกนานสองเดือน กว่าจะตัดสินใจไปหาหมอ ตรวจพบก้อนเนื้อร้ายขนาด 0.3 ซม. ในปอดซ้าย ก่อนกลายเป็นมะเร็งในทั้งสองข้างของปอด เมื่อตรวจสอบวิถีชีวิตแพทย์จึงพบว่า สาเหตุของโรคมาจาก “ฆาตกรเงียบ” 3 อย่างในครัว และได้แนะนำให้สามีของเธอให้ไปตรวจเช็คสุขภาพ

ผลปรากฏว่าสามีเป็นมะเร็งปอดเช่นกัน แถมอยู่ในระยะที่รุนแรงกว่า แต่เนื่องจากเขาทานอาหารเสริมเยอะ อาการจึงไม่ชัดเจน อีกทั้งเป็นเสาหลักของบ้านจึงไม่บ่นเรื่องสุขภาพ กลัวคนอื่นเป็นห่วง อย่างไรก็ดี หลังจากพบโรคได้ประมาณ 2 ปี เขาก็เสียชีวิต ส่วนภรรยายังต้องรักษาในโรงพยาบาลจนถึงปัจจุบัน

3 “ฆาตกรเงียบ” ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปอดในครัว

คุณหมอจูเผยว่า เมื่อรู้ว่าต้นเหตุของโรคอยู่ในครัว ทั้งครอบครัวของคุณอู๋ก็ตกใจมาก และไม่อยากเชื่อว่าพฤติกรรมทั่วไปที่คนจำนวนมากทำเหมือนกัน จะมีผลร้ายแรงต่อสุขภาพได้ถึงขนาดนี้ โดยทั้งสองคนเปิดร้านอาหารเล็กๆ มาร่วม 20 ปี ใช้เวลาหลายชั่วโมงในครัวทุกวัน โดยมี 3 พฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นต้นเหตุ

  • ปล่อยให้น้ำมันเดือดจนมีควันก่อนใส่อาหารลงผัด/ทอด
    เมื่อเห็นควันจากน้ำมัน นั่นแปลว่ามีการเกิดสารอัลดีไฮด์และไฮโดรคาร์บอนกลุ่ม PAHs ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ควันน้ำมันเหล่านี้สูดเข้าไปในปอดได้ง่าย ทำให้เซลล์ปอดอักเสบเรื้อรังและเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง โดยเฉพาะเมื่อครัวปิด ไม่มีการระบายอากาศ

  • ไม่เปิดเครื่องดูดควัน หรือปิดทันทีหลังทำอาหารเสร็จ
    เมื่อไม่เปิดเครื่องดูดควัน หรือปิดเร็วเกินไป ควันและฝุ่นละเอียดจากน้ำมันจะลอยอยู่ในอากาศนาน ซึ่งอนุภาคเล็กมากจนแทรกเข้าไปถึงถุงลมในปอด ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและทำลาย DNA ของเซลล์ คุณหมอแนะนำให้เปิดเครื่องดูดควันตั้งแต่ก่อนเริ่มทำอาหาร และเปิดต่ออีก 5-10 นาทีหลังทำเสร็จ

  • ไม่ล้างกระทะ/หม้อให้สะอาดก่อนเปลี่ยนเมนู
    การใช้กระทะเดิมโดยไม่ล้างให้สะอาด เมื่อน้ำมันและเศษอาหารไหม้ถูกเผาซ้ำหลายครั้ง จะเกิดสารอันตราย เช่น acrolein และ PAHs ซึ่งเป็นสารก่อกลายพันธุ์และมะเร็ง เศษอาหารไหม้ยังปล่อยควันพิษที่สูดเข้าไปในปอดได้ง่าย โดยเฉพาะกระทะเคลือบกันติดที่ชำรุด จะปล่อยสารพิษเมื่อโดนความร้อนซ้ำๆ

  • คุณหมอจูหวังว่า จากกรณีของคุณอู๋และสามี จะเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับทุกคน ไม่ว่าจะทำครัวที่บ้าน หรือทำอาหารขาย ควรตระหนักถึงความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการสูดควัน ใช้เครื่องดูดควันอย่างเหมาะสม เปิดช่องระบายอากาศ และเลือกเมนูที่ใช้น้ำมันน้อย พร้อมตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อปกป้องปอดของตนเองและคนในครอบครัว

    ความหวาดผวาใน \

    ความหวาดผวาใน "หมู่บ้านมะเร็ง" ที่เวียดนาม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมี 1 จุดร่วมเหมือนกัน

    ความหวาดผวาใน “หมู่บ้านมะเร็ง” ที่ จ.ห่าติ๋ญ ของเวียดนาม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมี 1 จุดร่วมเหมือนกัน ทำชาวบ้านอยู่กันอย่างหวั่นใจ

    กลัวรบกวนลูก! แม่ติดนิสัย \

    กลัวรบกวนลูก! แม่ติดนิสัย "ทำสิ่งนี้" ขณะเข้าครัว สุดท้ายพบเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย

    แม่ติดนิสัย "ทำสิ่งนี้" ขณะเข้าครัว เพราะกลัวรบกวนลูก สุดท้ายพบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ร่ำไห้ในห้องตรวจ "แค่อยากเป็นแม่ที่ดี"

    โค้ชรับไม่ได้ ดูแลร่างกายดีแต่ \

    โค้ชรับไม่ได้ ดูแลร่างกายดีแต่ "ป่วยมะเร็ง" หมอชี้ 1 นิสัยที่หลายคนก็ทำ ซึ่งไม่ใช่การกิน!

    โค้ชฟิตเนสสุดเฮลตี้ รับไม่ได้ตรวจพบ "มะเร็งปอด" หมอชี้ 1 พฤติกรรมเป็นตัวแปรสำคัญ ภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม!