
อาบน้ำสะอาดแล้ว แต่ยังมี “สิวที่หลัง” เกิดจากตับร้อนใช่ไหม ทำยังไงถึงจะหายขาด?!
หลายคนสับสน รักษาความสะอาดแล้ว แต่ยังมี “สิวที่หลัง” ทำอย่างไรจะหายขาด แล้วสรุปเกิดจากตับร้อนใช่ไหม?!
ถึงแม้ว่าจะทำความสะอาดร่างกายอย่างดีแล้ว แต่หลายคนก็ยังคงมีสิวขึ้นที่แผ่นหลัง ขณะเดียวกันก็มีความเชื่อที่ว่า สิวเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือน “ความร้อนของตับ”
หนังสือพิมพ์ Health and Life รายงานว่า เพราะตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่กำจัดสารพิษที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย เมื่อตับร้อนความสามารถในการกรองสารพิษจะได้รับผลกระทบ สารพิษอาจสะสมในร่างกายได้ รวมถึงผิวหนังและทำให้เกิดการอักเสบนอกจากนี้ ตับร้อนยังสามารถทำให้เกิดความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ ส่งผลให้ฮอร์โมนไม่สมดุล ส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น ทำให้ผิวเกิดสิวและอักเสบได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม อาการสิวที่หลังอาจไม่ได้เกิดจากความร้อนของตับ แต่สามารถเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ได้ เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขภาพ ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้การทำงานของตับบกพร่องและส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น สิว อาการปวดบริเวณตับ ผิวหนังคัน เบื่ออาหาร เป็นต้น
เมื่อเป็นสิวเนื่องจากความร้อนในตับต้องทำอย่างไร?
อาการตับร้อน ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพภายในเท่านั้น แต่ยังแสดงอาการชัดเจนบนผิวหนัง โดยเฉพาะสิว ผิวหมองคล้ำและความเหนื่อยล้า เมื่ออาการเหล่านี้ปรากฏขึ้น ผู้ป่วยจะต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ อาหาร และการดูแลผิวอย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูตับอย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ คือขั้นตอนแรกในการทำให้ตับเย็นลง เพราะการดำเนินชีวิตอย่างมีหลักวิทยาศาสตร์เป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงสภาพตับที่ร้อน ดังนั้นจึงแนะนำว่า
- ร้อนตับแตก! แนะควรกิน 4 ผักบ้านๆ ช่วยให้ “เย็นตับ” ขับสารพิษ ฟื้นฟูสุขภาพหน้าร้อน
- เพิ่งจะรู้! ผู้เชี่ยวชาญจิ้มชัดๆ "ตำแหน่งสิวเตือนปัญหาตับ" มักผุดขึ้นส่วนไหนของใบหน้า?
ต่อมาคือ การปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการทำงานของตับ ดังนั้น ผู้ที่มีอาการตับร้อนควรทำดังนี้
ท้ายที่สุดคือ การรักษาสุขอนามัยผิวอย่างถูกต้อง ป้องกันสิวที่เกิดจากความร้อนในตับไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ เพราะผิวหนังเปรียบเสมือน “กระจก” ที่สะท้อนถึงสุขภาพของตับ เพื่อลดสิวและช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายผ่านทางผิวหนัง ควรปฏิบัติดังนี้
ทั้งนี้ หากพบว่าสิวที่หลังกำเริบอย่างรวดเร็ว มีอาการแพร่กระจาย และมีอาการร่วม เช่น มีเลือดออกใต้ผิวหนัง อ่อนเพลียเป็นเวลานาน ท้องอืด เบื่ออาหาร ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการตรวจรักษาทันที