
แค่วันละแก้ว "เครื่องดื่ม" ที่กูรูอวยตรงกัน ลดความดันโลหิตได้เร็ว และดีต่อตับอย่างมาก!
"เครื่องดื่ม" ราคาไม่แพง ที่ช่วยลดความดันโลหิตและบำรุงตับได้ดี ดื่มเพียงวันละ 1-2 แก้วก็เพียงพอ
บีทรูท ถือเป็นผักที่คุ้นชื่อกันดี โดยที่ไทยมักมีขายตามตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้มซุป ทำสลัด โจ๊ก หรือคั้นเป็นเครื่องดื่ม ก็ถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อยในยุคนี้
ตามรายงานของนิตยสาร Health น้ำบีทรูทไม่ได้มีแค่รสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยควบคุมความดันโลหิตและดูแลการทำงานของตับ ขณะที่ในรายการ Just One Thing ของ BBC ประเทศอังกฤษ ดร.ไมเคิล มอสลีย์ เผยว่าน้ำบีทรูทสามารถเปรียบได้กับ “ยาลดความดันโลหิตตามธรรมชาติ”
เช่นเดียวกับที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่าง เบน ดิลลอน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Express ว่าการดื่มน้ำบีทรูทสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังดื่ม โดยอธิบายว่า ในน้ำบีทรูทมีสารไนเตรตซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นไนไตรต์ในร่างกาย และเมื่อเข้าสู่กระแสเลือดจะกลายเป็นไนตริกออกไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้แรงต้านในหลอดเลือดลดลง เลือดไหลเวียนดีขึ้น และความดันลดลงตามไปด้วย
ผลการศึกษาในวารสาร Hypertension ของสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐฯ ยังระบุว่า การดื่มน้ำบีทรูทประมาณ 500 มิลลิลิตร (ประมาณ 2 แก้ว) สามารถลดความดันโลหิตได้ภายใน 3–6 ชั่วโมง และผลลัพธ์นี้อาจคงอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ดิลลอนแนะนำให้เริ่มดื่มในปริมาณน้อย และสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย เนื่องจากผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
- ของดีมื้อเช้า! เครื่องดื่มที่ช่วย “ดักจับ” ไขมันเลว ไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือด แถมดีต่อหัวใจด้วย
- เตือนแล้วนะ! ประหยัดแค่ไหน ก็อย่ากิน 4 เมนูนี้ ถ้าหาก "ทิ้งไว้ข้ามคืน" เป็นพิษต่อร่างกาย
น้ำบีทรูทยังมีคุณสมบัติช่วยบำรุงตับ เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินเอ, วิตามินซี และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แมงกานีสและโพแทสเซียม ซึ่งช่วยลดการอักเสบ ป้องกันภาวะเครียดจากออกซิเดชัน และช่วยให้ตับขับสารพิษได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีสารที่ชื่อว่าเบตาอีน (Betaine) ซึ่งช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยขจัดไขมันและป้องกันการสะสมของไขมันในตับ
โดยมีงานวิจัยหนึ่งที่ศึกษากลุ่มผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ (NAFLD) พบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำบีทรูท 250 มิลลิลิตรต่อวัน ติดต่อกัน 12 สัปดาห์ มีสุขภาพตับที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าน้ำบีทรูทจะมีประโยชน์มาก แต่ผู้เชี่ยวชาญอย่างดิลลอนก็แนะนำว่า ก่อนจะเพิ่มเข้าไปในอาหารประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาอยู่