AI กินรวบ 99%! ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เผยงานประเภทเดียวที่จะอยู่รอดในปี 2030
ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เผยมีเพียงงานประเภทเดี่ยวที่จะอยู่รอดในปี 2030 พร้อมเตือนมนุษยชาติอย่างน่าสะพรึงกลัว
ปัญญาประดิษฐ์กำลังเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ แต่เราควรกังวลมากแค่ไหนกันแน่?
ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนจำนวนมากเริ่มพึ่งพา AI และความสามารถของมันมากขึ้น ไม่เพียงแค่ในด้านการทำงาน แต่รวมถึงในชีวิตประจำวันด้วย
แน่นอนว่ามีความกังวล ว่าเรากำลังปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามาทำทุกอย่างแทนเรามากเกินไป
คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันพึ่งพาโทรศัพท์มือถือของตนในการรับข่าวสาร ข้อความจากคนรัก การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เล่นเกมต่าง ๆ และแน่นอน ใช้ทำงานในฐานะอุปกรณ์สื่อสาร
อย่างไรก็ดี การพัฒนาและความก้าวหน้าของ AI อาจทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นมาก แต่สิ่งเหล่านี้ก็จะอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา
ดร.โรแมน แยมโพลสกี นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชาวลัตเวีย ดูเหมือนจะมองว่าอนาคตของเรานั้นแทบไม่รอดแล้ว
ChatGPT เคยเป็นข่าวดังจากการที่ให้คำแนะนำในการทำลาย “สนามกีฬาหนึ่ง” หลังจากได้รับคำสั่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะรู้สึกกังวล
ตามที่ ดร.โรแมน แยมโพลสกี ระบุ เราควรกังวลจริง ๆ เพราะเขาอ้างว่า AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ถึง 99% ภายใน 5 ปีข้างหน้า
ศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมศาสตร์รายนี้ เป็นแขกรายล่าสุดของพอดแคสต์ Diary of a CEO ที่ดำเนินรายการโดยสตีเวน บาร์ตเล็ต โดยพูดถึงงานที่ยังคงเหลือให้มนุษย์ทำ
บาร์ตเล็ต ถามว่า งานของเขาในฐานะพอดแคสเตอร์จะตกอยู่ในความเสี่ยงหรือไม่ ดร.แยมโพลสกีตอบว่า “คุณต้องเตรียมตัว ถามคำถาม ถามคำถามต่อยอด และต้องดูดีบนกล้อง”
เขาอธิบายต่อว่า “โมเดลภาษาขนาดใหญ่ในปัจจุบัน สามารถอ่านทุกอย่างที่ผมเขียน และเข้าใจได้ดีกว่าผม” พร้อมเสริมว่า AI จะอ่านหนังสือทุกเล่มที่อยู่เบื้องหลังบาร์ตเล็ตและเรียนรู้พฤติกรรมของเขาเพื่อเลียนแบบได้
นอกจากนี้ AI ยังสามารถปรับปรุงคำถามให้ดียิ่งขึ้นตามชุดข้อมูล ซึ่งมนุษย์ทำไม่ได้ ส่วนด้านภาพลักษณ์นั้นถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ตามคำกล่าวของ ดร.แยมโพลสกี
เมื่อพูดถึงงานที่อาจเหลืออยู่ นอกจากแรงงานทางกายภาพ เขากล่าวว่าเราต้องมองไปยัง “โลกของปัญญาอัจฉริยะสุดยอด” และถามตัวเองว่า เราจะมีส่วนร่วมอะไรในโลกนั้นได้บ้าง
ดร.แยมโพลสกี กล่าวว่า ถึงแม้คุณจะรู้จักตัวเองดีกว่าคนอื่น แต่ข้อมูลเหล่านั้นก็แทบไม่มีประโยชน์อะไร เว้นแต่จะมีคนสนใจ
“มีงานบางประเภทที่คุณอยากได้มนุษย์ทำ เช่น ถ้าคุณรวย คุณอาจอยากมี "นักบัญชี" เป็นมนุษย์ด้วยเหตุผลบางอย่าง” เขาเสนอ
“คนแก่บางคนชอบวิธีแบบดั้งเดิม วอร์เรน บัฟเฟตต์คงไม่หันไปใช้ AI เขาจะยังใช้บริการนักบัญชีที่เป็นมนุษย์ของเขา”
เขาอธิบายว่านี่เป็นเพียง “ส่วนเล็กมากของตลาด” และยกตัวอย่างเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันเรามีสินค้าที่ทำด้วยมือในสหรัฐฯ แตกต่างจากสินค้าผลิตจำนวนมากในจีน บางคนจ่ายแพงกว่าเพื่อสินค้านั้น แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยของตลาด มันเกือบจะเหมือนเป็นความคลั่งไคล้”
ศาสตราจารย์ยังเสริมว่า สิ่งนี้ “แทบไม่มีเหตุผลเชิงปฏิบัติ”
ในเวลาเพียง 2 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เชื่อว่า ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) จะทำงานเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายความว่าบริษัทต่าง ๆ จะสามารถเข้าถึงแรงงานฟรีผ่านเทคโนโลยีขั้นสูงได้

เขาอธิบายว่า แรงงานทางกายภาพและปัญญาฟรีสามารถประหยัดเงินได้หลายล้านล้านดอลลาร์ พร้อมเสริมว่า “แทบไม่มีเหตุผลที่จะจ้างมนุษย์ทำงานส่วนใหญ่” เมื่อ AI สามารถทำงานเหล่านั้นได้ในราคาถูก
เขาเสริมว่า “ผมคิดว่า หุ่นยนต์ทรงมนุษย์ยังตามหลังอยู่ประมาณ 5 ปี ดังนั้น (ภายในเวลานั้น) แรงงานทางกายภาพทั้งหมดก็สามารถทำโดยอัตโนมัติได้เช่นกัน
“ดังนั้นเรากำลังเผชิญโลกที่มีระดับการว่างงานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่แค่ 10% ซึ่งก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่ถึง 99%”
อย่างไรก็ดี ก่อนที่เราจะตื่นตระหนก เขาชี้ให้เห็นว่าเพียงแค่เทคโนโลยีมีอยู่ ไม่ได้หมายความว่าจะถูกนำมาใช้ทันที โดยยกตัวอย่างว่า โทรศัพท์วิดีโอมีมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 แต่เพิ่งแพร่หลายจริง ๆ เมื่อ iPhone ออกสู่ตลาด
“ผมไม่กังวล แต่คุณต่างหากที่ควรกังวล”