
ไวรัลโจทย์เลข ม.2 จากยุโรป เพราะคนเอเชียวิจารณ์ "ง่ายเกินคาด" เด็กประถมยังทำได้!
โจทย์คณิตศาสตร์ชั้น ม.2 จากยุโรป กลายเป็นไวรัลเพราะคนเอเชียวิจารณ์ว่า "ง่ายเกินคาด" เด็กประถมยังทำได้!
สื่อสังคมออนไลน์เพิ่งจะเกิดกระแสฮือฮา เมื่อมีภาพถ่ายชุดโจทย์คณิตศาสตร์ระดับชั้น ม.2 (เทียบเท่าประมาณ Grade 8) จากโรงเรียนในยุโรป ซึ่งหลายคนถึงกับตกใจ เพราะเนื้อหาของโจทย์นั้น "ง่ายเกินคาด" จนเด็กประถมยังสามารถทำได้สบายๆ
แม่ผู้ปกครองเผย โจทย์ง่ายจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นของ ม.2
เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อเด็กชาวเวียดนามคนหนึ่ง พาเพื่อน 2 คนมาที่บ้าน คนหนึ่งจากเบลเยียม อีกคนจากไซปรัส พร้อมนำโจทย์คณิตศาสตร์มาขอให้แม่ช่วยอธิบาย เนื่องจากแม้เจ้าตัวจะสามารถทำได้ แต่ไม่รู้วิธีอธิบายเป็นภาษาอังกฤษให้เพื่อนเข้าใจ
ตอนแรกแม่ของเด็กคนนี้ปฏิเสธ เพราะคิดว่าความรู้คณิตศาสตร์ระดับมัธยมต้นของตัวเองอาจจะลืมไปบ้าง แต่เมื่อหยิบกระดาษขึ้นมาดู กลับต้องประหลาดใจ เพราะทุกข้อเป็นเพียงแค่การบวก ลบ คูณ หาร และคำถามเชิงตรรกะเบื้องต้นที่เด็กประถมก็สามารถเข้าใจและทำได้
“ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็นโจทย์ระดับ ป.4 มากกว่า ไม่ใช่ ม.2 แน่ ๆ” ผู้ปกครองรายนี้กล่าว
ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ ทั้งตกใจและรู้สึกสนุก
หลังภาพชุดโจทย์ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย บางคนรู้สึกแปลกใจ บางคนก็มองว่าเป็นเรื่องน่าสนใจที่การศึกษาต่างประเทศมีแนวทางไม่เหมือนกัน
“ม.2 แล้วโจทย์ง่ายขนาดนี้เหรอ? ของลูกเรายากกว่านี้อีก!”
“เห็นโจทย์แล้วนึกว่าเป็นข้อสอบ ป.4 ซะอีก”
“เซอร์ไพรส์มาก ไม่คิดว่าคณิตศาสตร์ยุโรปจะง่ายขนาดนี้”
“ดูโจทย์แล้วทั้งแปลกใจและอยากลองทำดูเลย”
“จริงนะ แต่ละประเทศก็มีวิธีสอนที่แตกต่างกัน และแต่ละแบบก็มีข้อดีของตัวเอง”
- โจทย์ให้หาจำนวนหลอดไฟ นร.ทั้งชั้นตอบ "11-4=7" ครูตรวจให้ผิด เฉลยมาร้องอ๋ออออ
- ด.ช.ไขปริศนาโจทย์ 5+5+5=550 ได้ในเสี้ยวนาที ผู้ใหญ่อ้าปากค้าง ยกเป็นไอน์สไตน์2
การเรียนคณิตศาสตร์ ยุโรป vs เอเชีย
คำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ “เรียนคณิตศาสตร์ในยุโรปง่ายกว่าที่เอเชียจริงหรือ?” คำตอบอาจไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น เพราะแต่ละภูมิภาคมีปรัชญาการศึกษาที่แตกต่างกัน
ในฝั่งยุโรปหรืออเมริกาเหนือ การเรียนการสอนคณิตศาสตร์มักจะเน้นไปที่การ พัฒนาทักษะคิดวิเคราะห์ การตั้งคำถาม และการนำเสนอเหตุผล มากกว่าการหาคำตอบที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว นักเรียนถูกกระตุ้นให้ค้นหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง และใช้จินตนาการในการอธิบายโจทย์
ในขณะที่ระบบการศึกษาคณิตศาสตร์ของหลายประเทศในเอเชีย เช่น เวียดนาม จีน หรือแม้แต่ไทย เน้นความแม่นยำ การฝึกฝนซ้ำ ๆ และการแก้โจทย์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง โดยเริ่มจากพื้นฐานไปสู่ระดับสูงอย่างมีระบบ
แม้แนวทางจะต่างกัน แต่ต่างก็มีข้อดีในตัวเอง ระบบตะวันตกช่วยส่งเสริม ความคิดสร้างสรรค์ และ ทักษะการแก้ปัญหาในชีวิตจริง ส่วนระบบเอเชียเน้น ความชัดเจน มีวินัย และความสามารถในการจัดการกับโจทย์ที่ซับซ้อน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาหลายคนเห็นตรงกันว่า “ไม่มีวิธีไหนดีที่สุดในทุกกรณี” เพราะแต่ละแบบต่างก็สะท้อนค่านิยมและวัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาค
แทนที่จะตั้งคำถามว่า “คณิตศาสตร์ประเทศไหนง่ายกว่ากัน” สิ่งสำคัญกว่าคือการเข้าใจรูปแบบการเรียนรู้ของตัวเอง และเลือกใช้แนวทางที่เหมาะสมที่สุด เมื่อสามารถผสมผสานจุดแข็งของทั้งสองระบบได้ นักเรียนจะไม่เพียงแค่เก่งคณิตศาสตร์ในห้องเรียน แต่ยังสามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน