"นายกเทศมนตรีหญิงคนสวย" เข้าโรงแรมกับลูกน้องหนุ่มที่แต่งงานแล้ว อ้างเหตุผล "เงียบดี คุยงานสะดวก"
ความเคลื่อนไหวในเมืองมาเอะบาชิ จังหวัดกุนมะ ประเทศญี่ปุ่น กำลังเป็นที่จับตาอย่างหนัก หลัง อากิระ โอกาวะ นายกเทศมนตรีหญิงคนสวยวัย 42 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ปีก่อน ตกเป็นข่าวฉาวว่ามีการเดินทางไปยัง “เลิฟโฮเต็ล” ร่วมกับพนักงานชายรายหนึ่งของเทศบาลที่แต่งงานแล้วหลายครั้งติดต่อกัน
รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา โอกาวะ ได้ออกแถลงข่าวยอมรับว่าเคยเข้าไปที่เลิฟโฮเต็ลจริง แต่ชี้แจงว่าเป็นเพียงการเข้าไป “พูดคุยปรึกษาปัญหางาน” พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวใดๆ และยอมรับว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการตัดสินใจที่ “ไม่รอบคอบและอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด”

การตรวจสอบของสื่อท้องถิ่นพบว่า ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน มีการเดินทางไปยังโรงแรมประเภทดังกล่าวถึง 9 ครั้ง โดยครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 10 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดกุนมะ ขณะที่นายกเทศมนตรีกลับอยู่ที่โรงแรมกับผู้ใต้บังคับบัญชา
สื่อยังบันทึกภาพได้ว่า โอกาวะ และ นาย X ที่ทำงานด้วยกัน ซึ่งเป็นคนมีครอบครัวแล้ว ขึ้นรถยนต์ไปด้วยกัน ก่อนจะขับเข้าสู่โรงแรมที่มีบริการห้องพักแบบชั่วคราว ราคา 5,300–5,700 เยนต่อ 3 ชั่วโมง โดยในหลายครั้งทั้งคู่ใช้ห้องหมายเลขเดิม และมีการจ่ายเงินรวมราว 5 หมื่นเยน ซึ่ง โอกาวะ ยืนยันว่าเป็น “ค่าใช้จ่ายส่วนตัวทั้งหมด” ไม่ได้ใช้เงินหลวง
นาย X ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่ามีการเข้าพักโรงแรมจริง แต่ปฏิเสธว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว โดยอ้างว่าเป็นการหาสถานที่ปรึกษางานที่ปลอดจากสายตาคนนอก หลังจากก่อนหน้านี้เคยใช้ร้านอาหารและคาราโอเกะ แต่กังวลว่าจะมีคนพบเห็น
ด้านนักกฎหมายชี้ว่า โดยทั่วไปการที่ชายหญิงซึ่งไม่ใช่คู่สมรสเข้าไปในเลิฟโฮเต็ลซ้ำๆ จะถือเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักในกรณีการฟ้องร้องเรื่องการนอกใจ แม้ทั้งคู่จะอ้างว่าไม่มีความสัมพันธ์ทางกายก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยถึงการใช้รถประจำตำแหน่ง เนื่องจากสื่อพบว่า โอกาวะ มักให้คนขับพาไปส่งใกล้จุดนัดพบกับผู้บริหารรายดังกล่าว ทั้งที่การเดินทางไปเลิฟโฮเต็ลถูกระบุว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
กรณีดังกล่าวกำลังสร้างแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนักต่อ โอกาวะ นายกเทศมนตรีหญิงผู้ถูกมองว่าเป็นความหวังใหม่ของเมืองมาเอะบาชิ โดยสังคมยังคงรอคำอธิบายที่ชัดเจนว่า เหตุใดจึงจำเป็นต้องใช้โรงแรมลักษณะนี้ในการปรึกษาหารือเรื่องงาน และเส้นแบ่งระหว่างหน้าที่ราชการกับเรื่องส่วนตัวอยู่ตรงไหนกันแน่