ผลไม้ควรกินตอนเช้าหรือตอนเย็น ตอนไหนได้ประโยชน์มากกว่ากัน
หลายคนรู้ว่าผลไม้มีประโยชน์ แต่รู้ไหมว่า “ช่วงเวลาที่กิน” ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะร่างกายทำงานไม่เหมือนกันในแต่ละช่วงเวลา การเลือกผลไม้ให้เหมาะกับเวลา จึงช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุด และยังช่วยเรื่องพลังงาน การย่อยอาหาร และการนอนหลับอีกด้วย
มาดูกันว่ากินผลไม้ตอนเช้าและตอนเย็น ให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันยังไงบ้าง
กินผลไม้ตอนเช้า เติมพลังและกระตุ้นระบบขับถ่าย
ช่วงเช้าเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการพลังงานเพื่อเริ่มต้นวัน การกินผลไม้ที่ให้ไฟเบอร์และน้ำตาลธรรมชาติจะช่วยกระตุ้นสมองและระบบย่อยอาหาร
ผลไม้ที่เหมาะกับมื้อเช้า ได้แก่
- 
กล้วยหอม → ให้พลังงานเร็วและอยู่ท้อง เหมาะสำหรับคนไม่มีเวลาทำอาหารเช้า
 - 
แอปเปิล → อุดมด้วยไฟเบอร์ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี
 - 
ส้ม → มีวิตามินซีสูง เสริมภูมิคุ้มกันและช่วยให้สดชื่น
 - 
สับปะรด → มีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีน ลดอาการแน่นท้อง
 - 
บลูเบอร์รี → มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยให้สมองตื่นตัว
 
เคล็ดลับ:
 กินผลไม้คู่กับโปรตีน เช่น โยเกิร์ตหรือถั่ว จะช่วยให้อิ่มนานขึ้นและคงพลังงานได้นาน
กินผลไม้ตอนเย็น เพื่อผ่อนคลายและช่วยให้นอนหลับ
ตอนเย็นหรือก่อนนอน ควรเลือกผลไม้ที่เบา ย่อยง่าย และไม่เพิ่มน้ำตาลในเลือดมากเกินไป เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนได้ดี
ผลไม้ที่เหมาะกับช่วงเย็น ได้แก่
- 
เชอร์รี → มีเมลาโทนินตามธรรมชาติ ช่วยให้หลับสบาย
 - 
องุ่นแดง → มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย
 - 
ลูกแพร์ → น้ำเยอะ แคลอรีต่ำ สดชื่นและไม่หนักท้อง
 - 
แตงโม → เพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย เหมาะกับอากาศร้อน
 - 
กล้วยหอม (เล็กน้อย) → มีแมกนีเซียม ช่วยคลายความเครียดและกล้ามเนื้อ
 
ควรหลีกเลี่ยง:
 ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงหรือรสเปรี้ยวจัด เช่น มะม่วงสุก ทุเรียน ลำไย เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปและรบกวนการนอนหลับ
สรุป
- 
ตอนเช้า: เลือกผลไม้ที่ให้พลังงานและไฟเบอร์สูง → กระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว
 - 
ตอนเย็น: เลือกผลไม้ที่เบา ย่อยง่าย → ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและนอนหลับดี
 
เคล็ดลับคือกินผลไม้ให้พอดี และเลือกให้เหมาะกับเวลาของวัน จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีสุขภาพดีขึ้น