
ถอดบทเรียนการใช้ชีวิต สาววัย 35 ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย แม้ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ผู้หญิงวัย 35 ปี ช็อก! ตรวจพบมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย ทั้งที่ไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มแอลกอฮอล์
หญิงวัย 35 ปีในจีนไปพบแพทย์หลังมีอาการผิดปกติ และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย สร้างความตกใจให้กับครอบครัวและผู้ใกล้ชิด เนื่องจากเธอไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
อาการเริ่มต้นที่ถูกมองข้าม
แพทย์เล่าว่า นางสาว “โซว หลิน” เริ่มมีอาการแน่นท้องและเรอบ่อยตั้งแต่ครึ่งปีก่อน แต่เธอคิดว่าเป็นเพียงปัญหากระเพาะธรรมดา จึงซื้อยามารับประทานเอง อย่างไรก็ตาม อาการกลับรุนแรงขึ้นจนทำให้เธอเบื่ออาหาร กินได้เพียงไม่กี่คำก็อิ่ม น้ำหนักลดลงถึง 6 กิโลกรัม และมักมีอาการปวดท้องจนรบกวนการนอน
เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาล ผลส่องกล้องพบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในกระเพาะอาหาร และผลตรวจยืนยันว่าเป็น มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย เนื่องจากเซลล์มะเร็งได้ลุกลามและไม่สามารถผ่าตัดออกได้
ไม่เกี่ยวกับบุหรี่หรือแอลกอฮอล์ แต่เกิดจาก “ปัจจัยแฝง”
จากการซักประวัติ แพทย์ยืนยันว่าผู้ป่วยไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ แต่ครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร โดยคุณปู่เคยป่วยมาก่อน นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังมีพฤติกรรมการกินที่ไม่สม่ำเสมอ มักข้ามมื้ออาหาร และไม่ค่อยรับประทานผักผลไม้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เพิ่มโอกาสให้เกิดโรคกระเพาะอักเสบเรื้อรังและนำไปสู่การกลายพันธุ์ของเซลล์จนพัฒนาเป็นมะเร็ง
แพทย์สรุปว่า การผสมผสานระหว่าง พันธุกรรม และ พฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ คือสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยอายุเพียง 35 ปีก็ตรวจพบมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะรุนแรง
สัญญาณเตือนและคำแนะนำจากแพทย์
แพทย์ระบุว่าในระยะแรก มะเร็งกระเพาะอาหารมักไม่แสดงอาการชัดเจน หรือมีเพียงอาการทั่วไป เช่น เบื่ออาหาร แน่นท้องหลังรับประทานอาหารเล็กน้อย ทำให้หลายคนชะล่าใจและไม่ได้เข้ารับการตรวจ ส่งผลให้พลาด “ช่วงเวลาทอง” ของการรักษา
- หากมีอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารต่อเนื่อง ควรรีบไปพบแพทย์
- ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยไม่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
- ควรตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ติดเชื้อ Helicobacter Pylori หรือมีพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตที่เสี่ยง
สรุป
กรณีหญิงวัย 35 ปีที่ตรวจพบ มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย สะท้อนให้เห็นว่าการละเลยอาการเล็กน้อยอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงได้ การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการดูแลพฤติกรรมการกินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงของโรคนี้