เนื้อหาในหมวด ข่าว

ครูให้ นร. ป.3 เขียนชื่อเพื่อนที่ \

ครูให้ นร. ป.3 เขียนชื่อเพื่อนที่ "ไม่ชอบที่สุด" พร้อมเหตุผล ผลลัพธ์ทำแม่ช็อกจุกอก

ครูขอให้เด็กชั้น ป.3 เขียนชื่อเพื่อนร่วมชั้นที่ "ไม่ชอบที่สุด" พร้อมเหตุผล ผลที่ออกมาทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับช็อก และรีบไปพบครูประจำชั้นทันที

เว็บไซต์ SOHA เผยแพร่เรื่องราวของคุณแม่รายหนึ่งในเวียดนาม ที่โพสต์เล่าเรื่องราวหลังจากทราบเหตุผลที่ลูกชายร้องไห้ ซึ่งทำให้เธอรีบไปพบครูประจำชั้นของลูกทันที

โดยคุณแม่รายนี้ ระบุว่า ลูกชายของฉันเรียนอยู่ชั้น ป.3 ห้องเรียนมีนักเรียนมากกว่า 50 คน ซึ่งเหมือน "สังคมย่อส่วน" อย่างแท้จริง

ปีนี้ลูกชายมีครูประจำชั้นคนใหม่ ครูยังสาวและกระตือรือร้นมาก เธอต้องการจัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนและครูมีความผูกพันกัน เพื่อให้เธอเข้าใจนักเรียนแต่ละคนอย่างลึกซึ้ง ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือเด็ก ๆ ในการเรียนและการพัฒนา ตลอดมาฉันรู้สึกยินดีมากที่ลูกชายจะได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี

ครูมักจะจัดกิจกรรมนอกเวลาเรียนร่วมกับคณะกรรมการผู้ปกครอง ลูกชายมักกลับมาเล่าอย่างตื่นเต้น ทั้งเรื่องการเล่นเกม ทำงานกลุ่ม และร้องเพลง แต่แล้ววันหนึ่ง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ในกิจกรรมท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา ครูได้มอบหมายงานพิเศษ ให้นักเรียนทุกคนเขียนชื่อเพื่อนที่ตนเองไม่ชอบที่สุดในชั้นเรียน พร้อมระบุเหตุผล ครูอาจคิดว่านี่คือวิธีที่จะเข้าใจความรู้สึกของเด็ก ๆ และรับรู้ถึงความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อน แต่เมื่อผลลัพธ์ถูกเปิดเผย ฉันถึงกับนิ่งอึ้ง คนที่ถูกเพื่อนเขียนชื่อถึงมากที่สุดคือลูกชายของฉัน

เหตุผลที่เด็ก ๆ เขียนมา ฟังดูไร้เดียงสา แต่บาดลึกเหมือนมีดกรีดลงไปในหัวใจของเด็กคนหนึ่ง “เพื่อนคนนี้เป็นลูกคนขายเนื้อหมู ได้กลิ่นคาวเลือด เลยกลัว” ทั้งห้องหัวเราะคิกคัก ส่วนลูกชายนั่งนิ่ง ก้มหน้า ตาแดงก่ำ

ตอนเย็นกลับบ้านลูกก็ไม่พูดอะไรเลย จนกระทั่งตอนกลางคืนขณะที่เรานอนข้างกัน ลูกจึงสะอื้นออกมาว่า “แม่ครับ ทำไมเพื่อนถึงเกลียดผมแค่เพราะบ้านเราขายเนื้อหมู? ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนี่นา…”

บทเรียนจากการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อได้ยินลูกพูด หัวใจของฉันก็เจ็บปวดตลอดหลายปีที่ผ่านมา สามีภรรยาอย่างเราทำอาชีพขายเนื้อในตลาด ถึงแม้จะเหนื่อยยาก แต่เป็นอาชีพที่สุจริตและสะอาด สามารถเลี้ยงดูครอบครัวและส่งลูกเรียนได้ แต่กลับกลายเป็นว่า เพียงเพราะอาชีพของพ่อแม่ ลูกชายต้องถูกเพื่อน ๆ รังเกียจและกีดกัน ฉันทั้งสงสารลูกและเจ็บใจ

วันรุ่งขึ้น ฉันไปที่โรงเรียนเพื่อพบครูประจำชั้น ฉันพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ฉันเข้าใจความตั้งใจของครูที่ต้องการรับฟังนักเรียน แต่การตั้งคำถามในลักษณะนี้ได้ สร้างบาดแผลทางอารมณ์โดยไม่ได้ตั้งใจ เด็ก ๆ ยังไร้เดียงสา ไม่ได้เติบโตพอที่จะแยกแยะถูกผิด เมื่อครู "เปิดเผย" ผลลัพธ์ ลูกชายของฉันจึงกลายเป็นเป้าหมายของการถูกแบ่งแยก ซึ่งเป็นสิ่งที่ ผิดหลักการศึกษา

ครูรับฟังอย่างตั้งใจด้วยสีหน้าที่สับสนเล็กน้อย เธอขอโทษฉันและขอโทษลูกชายด้วย เธอบอกว่าเธอประเมินผลที่จะตามมาต่ำไป เพียงคิดว่าจะช่วยให้นักเรียนเปิดใจ แล้วเธอจะช่วยคลี่คลายความสัมพันธ์ แต่เธอยอมรับว่าเธอทำผิดพลาดไปแล้ว

สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกคลายความกังวลลงได้บ้างคือ ความจริงใจในคำพูดและท่าทีของครู ที่สำคัญ ครูต้องการให้ฉันร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้ เพื่อให้เพื่อน ๆ เลิกมองลูกชายของฉันด้วยสายตาที่แปลกแยก

การแก้ไขด้วยการสร้างความเข้าใจ

เราปรึกษาหารือกัน ฉันเสนอว่า แทนที่จะเน้นย้ำความแตกต่าง เราควรสร้างกิจกรรมที่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้ค้นพบจุดร่วมกัน เช่น การจัดกิจกรรม “วันอาชีพผู้ปกครอง” เพื่อให้ผู้ปกครองแต่ละคนมาแนะนำอาชีพของตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้น นักเรียนจะเห็นว่าทุกอาชีพล้วนมีคุณค่า และทุกอาชีพล้วนมีส่วนช่วยต่อสังคม ครูเห็นด้วยอย่างยิ่งและดำเนินการทันที

สุดสัปดาห์ต่อมา ห้องเรียนของลูกชายก็มีกิจกรรมพิเศษ ผู้ปกครองจากหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ, แพทย์, ครู, พนักงานขาย, คนขับรถ, ช่างไม้ ต่างผลัดกันเล่าเรื่องราว

ฉันเองก็ลุกขึ้นเล่าเกี่ยวกับอาชีพขายเนื้อหมู ต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 ไปรับของ ต้องรู้จักแยกแยะเนื้อดีเนื้อไม่ดีเพื่อขายให้ลูกค้า และที่สำคัญที่สุดคือ อาชีพนี้เลี้ยงดูหลายครอบครัว และรับประกันว่าทุกคนจะมีอาหารกินทุกวัน

ฉันยังพูดติดตลกด้วยว่า “ถ้าไม่มีคนขายเนื้ออย่างป้าหรือลุง พวกหนูก็จะไม่มีก๋วยเตี๋ยวเนื้อหอม ๆ, ขนมจีนปิ้ง หรือหมูพะโล้อร่อย ๆ ที่ทุกคนชอบกินแน่นอน”

ทั้งห้องหัวเราะ หลายสายตาเริ่มเปลี่ยนไป หลังจากกิจกรรมนั้น ลูกชายของฉันก็ถูกเพื่อนชวนไปเล่นด้วยบ่อยขึ้น ไม่ถูกกีดกันอีกต่อไป ครูเองก็สอดแทรกบทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการเคารพอาชีพและการยอมรับความแตกต่างระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะร่าเริง เล่าเรื่องที่เพื่อนชวนไปเล่นฟุตบอล หัวใจของฉันก็เบาขึ้นอย่างมาก ฉันตระหนักได้ว่า เพียงแค่ผู้ใหญ่รู้จักวิธีชี้นำ เด็ก ๆ ก็จะกลับมาไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ตามธรรมชาติของพวกเขา

ฉันไม่โทษครูอีกแล้ว ทุกคนสามารถทำผิดพลาดได้ สิ่งสำคัญคือการรู้จักยอมรับและแก้ไข ฉันยิ่งซาบซึ้งในสิ่งหนึ่ง การศึกษาไม่ได้มีอยู่แค่ในตำราเรียนเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่วิธีที่เราสอนให้เด็ก ๆ รู้จักคุณค่าและความรักต่อกัน และการเดินทางนี้ต้องการการร่วมมือกันทั้งจากครูและผู้ปกครอง

บทสรุปที่สวยงามคือ ตอนนี้ห้องเรียนของลูกชายฉันผูกพันกันมากขึ้น ส่วนลูกชายเองก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ว่า: ไม่ว่าอาชีพใดก็ตาม ขอเพียงสุจริต ย่อมสมควรได้รับการเคารพ

DPU Open House 2025 คึกคัก! CLUSTER GLOBAL+ โชว์ศักยภาพหลักสูตรยุคใหม่ ดึงดูดนักเรียนสมัครเรียนทันที

DPU Open House 2025 คึกคัก! CLUSTER GLOBAL+ โชว์ศักยภาพหลักสูตรยุคใหม่ ดึงดูดนักเรียนสมัครเรียนทันที

DPU Open House 2025 คึกคัก! CLUSTER GLOBAL+ โชว์ศักยภาพหลักสูตรยุคใหม่ พร้อมกิจกรรมลงมือทำจริง ดึงดูดนักเรียนสมัครเรียนทันที

เด็กหญิงวัย 11 ปี วาดภาพในสมุดเรียน ครูเห็นแล้วเอะใจ! รีบแจ้งตำรวจทันที

เด็กหญิงวัย 11 ปี วาดภาพในสมุดเรียน ครูเห็นแล้วเอะใจ! รีบแจ้งตำรวจทันที

ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์เผย 6 สัญญาณบ่งบอกว่า “คู่ของคุณอาจกำลังคิดถึงคนอื่นระหว่างมีเซ็กซ์”

ครูส่งภาพนักเรียนนอนกลางวันเข้ากลุ่ม ผปค.เดือดจัด! \

ครูส่งภาพนักเรียนนอนกลางวันเข้ากลุ่ม ผปค.เดือดจัด! "จ่ายเงินให้ดูแลลูกแบบนี้หรือ?"

ดราม่าในกลุ่มผู้ปกครอง! ครูส่งรูปเด็กอนุบาลนอนกลางวัน แต่กลับถูกต่อว่า “จ่ายเงินมาเพื่อดูแลแบบนี้เหรอ?”