9 อาหารกระตุ้นไมเกรน รู้ไว้หลีกเลี่ยงความเสี่ยง เพราะเป็นแล้วทรมานมาก
9 อาหารกระตุ้นไมเกรนที่ควรรู้ พร้อมวิธีป้องกันและดูแลตัวเอง
อาหารบางชนิดสามารถกระตุ้นอาการไมเกรน ได้ในผู้ที่มีภาวะนี้ โดยอาหารที่พบบ่อย ได้แก่ ช็อกโกแลต คาเฟอีน และไวน์แดง อย่างไรก็ตาม ตัวกระตุ้นไมเกรน (migraine trigger) จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งบางครั้งอาจเกิดจากการผสมกันของหลายปัจจัย เช่น ความเครียด การอดนอน หรือฮอร์โมนร่วมด้วย
มูลนิธิ Migraine Research Foundation ระบุว่า ไม่มีอาหารชนิดใดที่กระตุ้นไมเกรนได้กับทุกคน แต่มีบางประเภทที่พบได้บ่อยว่าทำให้เกิดอาการในผู้ป่วยบางกลุ่ม ดังนี้
1. คาเฟอีน (Caffeine)
การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป หรือหยุดดื่มกะทันหันอาจทำให้เกิดไมเกรนได้ แต่ในบางคน คาเฟอีนในปริมาณเล็กน้อยกลับช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ เพราะมีฤทธิ์หดหลอดเลือดสมอง พบใน: กาแฟ ชา โกโก้ และช็อกโกแลต
2. สารให้ความหวานเทียม (Artificial Sweeteners)
อาหารแปรรูปหลายชนิดมีการเติมสารให้ความหวาน เช่น แอสปาร์แตม (Aspartame) ซึ่งมีรายงานว่าทำให้เกิดไมเกรนในบางคน ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่ม “สูตรไดเอต” ที่ใช้สารนี้
3. แอลกอฮอล์ (Alcohol)
งานวิจัยในปี 2018 พบว่า มากกว่า 35% ของผู้ที่มีอาการไมเกรนรายงานว่า “แอลกอฮอล์” เป็นตัวกระตุ้นสำคัญ โดยเฉพาะไวน์แดง (Red wine) ซึ่งมีสารฮีสตามีน (Histamine) และไทรามีน (Tyramine) ที่อาจกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว

4. ช็อกโกแลต (Chocolate)
งานวิจัยปี 2020 พบว่าช็อกโกแลตเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนในผู้ป่วยสูงถึง 1 ใน 3 เนื่องจากมีคาเฟอีนและสารเบต้า-ฟีนิลเอทิลเอมีน (Beta-phenylethylamine) ที่อาจกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง
5. อาหารที่มีผงชูรส (MSG)
ผงชูรส หรือโมโนโซเดียมกลูตาเมต เป็นสารเติมแต่งรสชาติที่พบในอาหารหลายชนิด แม้จะปลอดภัยในระดับทั่วไป แต่บางงานวิจัยพบว่าอาจกระตุ้นอาการปวดหัวในผู้ที่ไวต่อสารนี้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด จำเป็นต้องศึกษาต่อ
6. เนื้อสัตว์แปรรูป (Cured Meats)
อาหารอย่างไส้กรอก แฮม หรือฮอตด็อก มักมีสารกันบูดประเภทไนเตรต (Nitrate) ซึ่งอาจกระตุ้นการหลั่งไนตริกออกไซด์ในร่างกาย ทำให้หลอดเลือดขยายและเพิ่มโอกาสเกิดไมเกรน
7. ชีสเก่าหรือหมัก (Aged Cheese)
ชีสที่ผ่านการบ่มนาน เช่น พาร์เมซาน เฟต้า หรือบลูชีส มีสาร ไทรามีน (Tyramine) ซึ่งเกิดจากการย่อยสลายโปรตีนในอาหาร และเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นไมเกรนโดยตรง
8. อาหารหมักดอง (Fermented Foods)
เช่น กิมจิ ผักดอง ซอสถั่วเหลือง คอมบูชะ (Kombucha) และซาวเคราท์ อาหารเหล่านี้มักมีปริมาณไทรามีนสูงเช่นกัน ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนได้
9. อาหารแช่แข็งหรือเย็นจัด (Frozen Foods)
อาหารเย็นจัด เช่น ไอศกรีมหรือเครื่องดื่มปั่น อาจทำให้เกิดอาการ “ปวดหัวจากความเย็น” ได้ในบางคน และอาจกระตุ้นไมเกรนในผู้ที่มีอาการประจำ
การรักษาไมเกรน
การรักษาไมเกรนอาจใช้ยาทั้งแบบสั่งโดยแพทย์และแบบทั่วไป เช่น ยาแก้ปวด Excedrin Migraine หรือยากลุ่มทริปแทน (Triptans) เพื่อบรรเทาอาการเฉียบพลัน หากมีอาการบ่อย แพทย์อาจให้ยาป้องกัน เช่น ยากลุ่มเบต้า-บล็อกเกอร์ หรือยาต้านซึมเศร้าที่ช่วยควบคุมสารเคมีในสมอง
นอกจากนี้ การรักษาทางเลือกบางอย่าง เช่น นวดบำบัด การฝึกควบคุมร่างกายด้วยเทคนิค ไบโอฟีดแบ็ก (Biofeedback) หรือการเสริม วิตามินบี 2 และแมกนีเซียม ก็อาจช่วยลดความถี่ของอาการได้
การป้องกันไมเกรน
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ห้ามอดมื้อ
- จำกัดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
- นอนหลับให้เพียงพอ
- ลดความเครียดด้วยโยคะหรือสมาธิ
- หลีกเลี่ยงแสงจ้าหรือแสงแดดโดยตรง
- พักสายตาจากหน้าจอเป็นระยะ
- ลองทำ “อาหารกำจัดตัวกระตุ้น” (Elimination diet) เพื่อหาสาเหตุเฉพาะของตนเอง
แม้ไมเกรนจะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่สามารถรบกวนคุณภาพชีวิตได้มาก การเข้าใจปัจจัยกระตุ้นและปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม จะช่วยลดอาการและควบคุมไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ