เช็กข่าวชัวร์ : ดื่ม "นมวัว" อันตรายจริงไหม? กรมอนามัยไขข้อสงสัย 6 ความเชื่อผิดๆ
กรมอนามัยไขข้อสงสัย 6 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการดื่มนมวัว อาการท้องอืดเกิดจากอะไร เสี่ยงมะเร็งจริงหรือไม่?
ในช่วงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ได้มีการเผยแพร่และส่งต่อข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับความเชื่อผิดๆ ในการดื่มนมวัว ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่ว่าการดื่มนมแล้วท้องอืดคืออาการแพ้ นมไทยไม่ใช่นมแท้ หรือความกังวลว่าการดื่มนมวัวอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง จนทำให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในหมู่ผู้บริโภคเกี่ยวกับคุณค่าและคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมโค
คำถาม
มีการแชร์ข้อมูลและข้อสงสัยว่า "นมไทยส่วนมากไม่ใช่นมแท้", "อาการท้องอืดหลังดื่มนมคือการแพ้นม" และ "การดื่มนมโคเสี่ยงเป็นมะเร็ง" ตามที่มีการกล่าวอ้างกันในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 นั้น เป็นความจริงหรือไม่?
การตรวจสอบ
กองบรรณาธิการ Sanook News ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดจากคำชี้แจงของ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง โดยมีรายละเอียดการตรวจสอบ ดังนี้:
6 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดื่มนมโค
กรมอนามัยได้สรุปความเชื่อที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการบริโภคนมวัว พร้อมให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเพื่อสร้างความเข้าใจที่เหมาะสมต่อสุขภาพ:
1. อาการท้องอืด ท้องเสียจากการดื่มนม คือ "การแพ้นม"
ความจริงคือ อาการท้องอืดและท้องเสียหลังดื่มนม ไม่ใช่ อาการแพ้ (Allergy) แต่เกิดจากภาวะที่ร่างกายหยุดสร้างเอนไซม์แล็กเทส ทำให้ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแล็กโทส (Lactose) ในน้ำนมได้ ซึ่งก่อให้เกิดอาการท้องอืดและท้องเสียตามมา
ผู้ที่มีภาวะนี้ควรเริ่มดื่มนมในปริมาณน้อย เช่น ครั้งละ 1 แก้ว เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ หรือควรดื่มนมหลังมื้ออาหาร ไม่ควรดื่มนมตอนท้องว่าง ทั้งนี้ การเลือกดื่มผลิตภัณฑ์นมที่ปราศจากน้ำตาลแล็กโทส (Lactose Free Milk) ก็เป็นทางเลือกที่ช่วยลดอาการได้
2. นมผงมีคุณภาพทางโภชนาการสู้ "น้ำนมโคสด" ไม่ได้
ความจริงคือ นมผงมีคุณค่าทางโภชนาการด้อยกว่าน้ำนมสดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากโปรตีนและวิตามินบางส่วนสลายตัวไปกับความร้อนในกระบวนการผลิต แต่ในทางโภชนาการถือว่าไม่รุนแรง
เนื่องจากสารอาหารหลักที่คาดหวังจากการดื่มนมยังคงอยู่ และสารอาหารที่สูญเสียไประหว่างกระบวนการก็สามารถทดแทนด้วยการเสริมสารอาหารเหล่านั้นลงไปในนมผงได้

3. สามารถดื่มนมข้าว นมถั่ว นมนัท แทน "นมโค" ได้
ความจริงคือ คุณภาพของโปรตีนในข้าวและถั่วเป็นโปรตีนจากพืช ซึ่งมีคุณภาพด้อยกว่าโปรตีนในน้ำนมโคที่เป็นโปรตีนจากสัตว์ ดังนั้น แม้ผลิตภัณฑ์นมข้าว นมถั่ว หรือนมนัท จะถูกผลิตให้มีปริมาณโปรตีนเท่ากับนมโค แต่ก็ให้ประโยชน์ต่อร่างกายน้อยกว่า
สาเหตุที่ประโยชน์น้อยกว่านั้น เพราะโปรตีนจากพืชบางชนิดมีกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบถ้วนเท่ากับโปรตีนจากสัตว์ในนมโค
4. การดื่มนมเป็นประจำ ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะ
ความจริงคือ ปัญหานี้ย้อนกลับไปประมาณ 10 ปีก่อน ซึ่งอาจเป็นความจริงที่เกษตรกรบางรายใช้ยาปฏิชีวนะผสมในอาหารแม่โคเพื่อป้องกันโรคเต้านมอักเสบ แต่ในปัจจุบัน ปัญหาดังกล่าวได้ลดลงและไม่เกิดขึ้นแล้ว
เนื่องจากฟาร์มโคนมมีการเลี้ยงดูแบบปล่อยทุ่ง มีการดูแลโภชนาการและสุขภาพของแม่โคตามแนวทางนมพรีเมียมของ อย. รวมถึงมีการเฝ้าระวังคุณภาพของน้ำนมดิบและผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวด
5. ดื่มนมโคแล้วเสี่ยงเป็นมะเร็ง
ความจริงคือ ผลการวิเคราะห์เอกสารงานวิจัยอย่างเป็นระบบ (Systematic Reviews) ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมกับการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งไต มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งต่อมไทรอยด์ และมะเร็งเม็ดโลหิตขาว
ตรงกันข้าม การดื่มนมและผลิตภัณฑ์นมกลับมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งทวารหนัก
6. ห้ามดื่มนมกับเนื้อสัตว์
ความจริงคือ การห้ามรับประทานเนื้อสัตว์ร่วมกับน้ำนมเป็นเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับหลักปฏิบัติทางศาสนามากกว่าที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ข้อห้ามนี้เกิดจากความเชื่อในศาสนายิว ซึ่งมีแนวคิดเกี่ยวกับการฆ่าลูกโคตัวผู้ที่เพิ่งคลอดตามแนวทางของฟาร์มโคนม ทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีการนำเนื้อลูกโคไปบริโภคพร้อมกับน้ำนมที่ควรจะเป็นอาหารของมัน ซึ่งเป็นประเด็นด้านความเชื่อ ไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางอาหาร
สรุปประเด็นที่ถูกเข้าใจผิด: ข้อเท็จจริง
กรณีอาการท้องอืด: กรมอนามัยชี้แจงว่า อาการท้องอืดและท้องเสียหลังดื่มนม ไม่ใช่ "การแพ้นม" (Milk Allergy) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาต่อโปรตีนในนม แต่เกิดจาก "ภาวะพร่องเอนไซม์แล็กเทส" (Lactose Intolerance) ทำให้ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแล็กโทสในนมได้ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการดื่มนมปริมาณน้อยๆ หลังอาหาร หรือเลือกดื่มนมที่ปราศจากน้ำตาลแล็กโทส (Lactose Free Milk)
กรณีคุณภาพนม: สำหรับข้อสงสัยเรื่อง "นมผงมีคุณภาพทางโภชนาการสู้ น้ำนมโคสด ไม่ได้" กรมอนามัยระบุว่า นมผงมีคุณค่าทางโภชนาการด้อยกว่านมสดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากการสูญเสียวิตามินบางส่วนจากความร้อน แต่สารอาหารหลักยังคงอยู่และสามารถเสริมเพิ่มได้ตามมาตรฐาน โดยนมในไทยหลายยี่ห้อเป็นน้ำนมโคสดแท้ 100% ซึ่งมีการระบุชัดเจนข้างกล่องตามกฎหมาย
กรณีความเสี่ยงมะเร็ง: ในประเด็นสำคัญที่ว่า "ดื่มนมโคแล้วเสี่ยงเป็นมะเร็ง" กรมอนามัยยืนยันตามผลการวิเคราะห์งานวิจัยอย่างเป็นระบบว่า ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์นมกับการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด และในทางตรงกันข้าม การดื่มนมและผลิตภัณฑ์นมกลับมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งทวารหนัก