ถึงเวลารักษาไต! กูรูจีนแนะ 3 อาหารบ้านๆ ที่ชาวไทยคุ้นเคย แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรู้ว่ากินดี
บำรุงไตง่ายๆ ด้วยไข่ขาว บวบ และกะหล่ำปลีสีม่วง ป้องกันโรคไตและปรับปรุงการทำงานของไต
รู้หรือไม่? การทานอาหารที่ถูกต้องสามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของไตและป้องกันโรคต่างๆ ได้
ไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ในทุกช่วงวัยก็ล้วนมีความสำคัญ แต่ด้วยการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ, การทานอาหารที่ไม่มีการควบคุม, การใช้ยาลดปวดเกินความจำเป็น และความเครียดที่สะสมทำให้โรคเกี่ยวกับไตเกิดขึ้นบ่อยขึ้นและเริ่มเกิดในวัยที่เด็กลง การดูแลและบำรุงการทำงานของไตผ่านการรับประทานอาหารที่ดีเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทุกคนควรทำ
ศาสตราจารย์หล่า หงอก จง (จากประเทศจีน) แนะนำให้ทาน 3 อาหารต่อไปนี้เพื่อป้องกันโรคและบำรุงไต:
1. ไข่ขาว
เมื่อการทำงานของไตลดลง การควบคุมปริมาณโปรตีนที่รับเข้าสู่ร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกระบวนการเผาผลาญโปรตีนจะผลิตสารพิษไนโตรเจน ซึ่งทำให้ไตทำงานหนักขึ้น แต่การหลีกเลี่ยงโปรตีนเกินไปอาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหาร
ไข่ขาวเป็นคำตอบสำหรับปัญหานี้ โปรตีนที่บริสุทธิ์จากไข่ขาวผลิตของเสียจากการเผาผลาญน้อยที่สุด ช่วยลดภาระการกรองของเสียของไต และเป็นแหล่งสารอาหารที่มีคุณภาพสูงที่ผู้ป่วยไตสามารถเลือกใช้ได้ นอกจากนี้ตามหลักการแพทย์แผนจีน ไข่ขาวมีคุณสมบัติช่วยบำรุงร่างกายและปรับสมดุลของพลังในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอและต้องการสารอาหารโดยไม่เพิ่มความร้อนหรือความชื้นในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามปริมาณโปรตีนที่แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะที่ไตทำงานหนักเกินไป
2. บวบ
อาการที่พบได้บ่อยที่สุดของการทำงานของไตลดลงคือการบวมและปัสสาวะยาก ซึ่งสะท้อนถึงการขาดสมดุลในการควบคุมการใช้น้ำในร่างกาย
บวบมีรสเย็นและรสชาติที่สดชื่น ได้รับการนำมาใช้ในแพทย์แผนจีนมานาน เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยขับน้ำและลดความร้อน ในทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ก็ยืนยันว่า บวบมีปริมาณน้ำสูงและสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมการขับน้ำออกจากร่างกาย
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณโปแตสเซียมในเลือด ควรลอกเปลือก, หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และลวกในน้ำร้อนก่อนการปรุงอาหาร การทำเช่นนี้จะช่วยลดโปแตสเซียมที่ละลายออกมาในบวบ ทำให้อาหารปลอดภัยต่อไตมากขึ้น
3. กะหล่ำปลีสีม่วง
หลายการศึกษาชี้ให้เห็นว่าโรคไตเรื้อรังมักเกี่ยวข้องกับอาการอักเสบและปัญหาการหมุนเวียนเลือดที่ยาวนานในอวัยวะนี้
กะหล่ำปลีสีม่วงเป็นผักที่ช่วยต่อสู้กับปัญหานี้ได้ดี สีสันที่โดดเด่นของมันมาจากปริมาณแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบอย่างมีประสิทธิภาพ แอนโธไซยานินช่วยลดความเสียหายของเซลล์ไตที่เกิดจากการอักเสบและช่วยปรับปรุงสุขภาพหลอดเลือด
นอกจากนี้กะหล่ำปลีสีม่วงยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารที่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร ซึ่งช่วยให้การควบคุมระดับโปแตสเซียมในเลือดเป็นไปได้ดีขึ้น เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากสารต้านอนุมูลอิสระ ควรรับประทานกะหล่ำปลีสีม่วงในรูปแบบสลัด (ล้างสะอาด) หรือผัดอย่างรวดเร็ว แทนการต้มให้นานเกินไปซึ่งอาจทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง
- เตือนแล้วนะ! 3 พืชน้ำ เปรียบดัง “รังปรสิต” เสี่ยงโรคหนักถึงสมอง แต่ยังมีคนเชื่อว่ากินดิบดี
- นักวิจัยย้ำ "ถั่วงอก" ป้องกันมะเร็ง-ช่วยลดน้ำหนัก-เสริมเพศชาย ควรกินแบบสุกหรือดิบ?
