คณะนิเทศศาสตร์ DPU จัด “SHOWTENTIAL FIGHT CLUB” โชว์ศักยภาพเด็กปี 4 ฝึกทักษะการจัดอีเวนต์เต็มรูปแบบ
คณะนิเทศศาสตร์ DPU จัด “SHOWTENTIAL FIGHT CLUB” โชว์ศักยภาพเด็กปี 4 สื่อสารการตลาดดิจิทัล ฝึกทักษะการจัดอีเวนต์เต็มรูปแบบ
คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดกิจกรรม NITADE SHOWTENTIAL FIGHT CLUB ชนะใจก่อนชีวิตนอกเรา เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเป็นเวทีให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการสื่อสารการตลาดดิจิทัลได้นำเสนอผลงาน ฝึกปฏิบัติจริง และแสดงศักยภาพด้านการจัดอีเวนต์และการสื่อสารการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ โดยมี ผศ.ศิวนารถ หงษ์ประยูร คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยอาจารย์ วรพงษ์ ปลอดมูสิก รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา หัวหน้าหลักสูตรการสื่อสารการตลาดดิจิทัล คณาจารย์ และนักศึกษาให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมบริเวณใต้อาคาร 6 และห้อง Nitade Sandbox Co-learning Space ตลอดทั้งวัน
ผศ.ศิวนารถ หงษ์ประยูร คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวเปิดงาน “NITADE SHOWTENTIAL FIGHT CLUB ชนะใจก่อนชีวิตนอกเรา” ว่า งานครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ธีมใหม่ของคณะนิเทศศาสตร์ คือ การผสมคำว่า “SHOW” กับ “POTENTIA” เป็น “SHOWTENTIAL” เพื่อเป็นเวทีให้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการสื่อสารการตลาดดิจิทัลได้โชว์ผลงาน และแสดง “ศักยภาพ” ออกมาอย่างเต็มที่ผ่านการลงมือทำงานจริงทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ ออกแบบอีเวนต์ บริหารงานภาคปฏิบัติ ไปจนถึงการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ในสถานการณ์จริง เพื่อเป็นประสบการณ์ในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
“คณะนิเทศศาสตร์ ให้ความสำคัญกับ “สุขภาพกายและใจ” ของนักศึกษา เพราะผู้ทำงานด้านครีเอทีฟจำเป็นต้องมีสภาพจิตใจที่มั่นคงและมีพลังจากภายในในการสร้างสรรค์งานคุณภาพ กิจกรรมครั้งนี้จึงถูกออกแบบให้บูรณาการความรู้ทั้งด้านการจัดอีเวนต์และการดูแลสุขภาพจิตไว้ด้วยกัน เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ทั้งการทำงานเป็นทีม การบริหารความเครียด การตระหนักรู้ตนเอง ตลอดจนการส่งต่อพลังบวกให้ผู้อื่น ซึ่งเป็นทักษะสำคัญของคนทำงานสายสื่อสาร ครีเอทีฟในยุคปัจจุบัน” คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ DPU กล่าว
ด้าน อาจารย์วรพงษ์ ปลอดมูสิก รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และ หัวหน้าหลักสูตรการสื่อสารการตลาดดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่า หัวใจสำคัญของงานนี้ คือการเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาสร้างผลงานด้วยตัวเอง 100 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่การคิดแบรนด์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการวางแผนการตลาดและการจัดนิทรรศการโชว์ ซึ่งงานถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ “โซนห้องแซนด์บ็อกซ์” หรือห้องระบายใจที่ออกแบบให้เป็นพื้นที่ปลดปล่อยอารมณ์และความคิด พร้อมกิจกรรมเวิร์กช็อปเขียนการ์ดถึงตัวเองในอนาคต และเวทีมวยจำลองสำหรับระบายความเครียด, โซนตลาดแสดงสินค้า ซึ่งเป็นแบรนด์ที่นักศึกษาสร้างขึ้นและนำมาจำหน่ายด้วยตัวเอง, และโซนเวที On-Stage แสดงผลงานดนตรี และการพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองตลอดทั้งวัน
กิจกรรมในงานไม่ได้เป็นเพียงการแสดงผลงานเท่านั้น แต่เป็นการนำเนื้อหาจากรายวิชาอีเวนต์มาประยุกต์ใช้จริง ตั้งแต่การกำหนดวัตถุประสงค์ (objective setting) การออกแบบอีเวนต์ (event creation) การบริหารจัดการ (event management) จนถึงการประเมินผลหลังงาน (event evaluation) ซึ่งนักศึกษาจะได้ฝึกทักษะทั้งเชิงปฏิบัติและซอฟต์สกิลที่จำเป็น เช่น การวางแผนล่วงหน้า การจัดระบบงาน และการคิดเชิงคาดการณ์ลำดับเหตุการณ์ (next step thinking) ซึ่งเป็นพื้นฐานจำเป็นต่อสายงานการตลาดและการผลิตคอนเทนต์
“สิ่งที่นักศึกษาจะได้รับคือสกิลในการคิดอย่างเป็นขั้นตอน รู้จักการคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าและจัดการกับความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่นำไปใช้ได้ทั้งงานด้านการตลาดออนไลน์ การเปิดแบรนด์ หรือการจัดคอนเทนต์ต่าง ๆ” รองคณบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ DPU กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ศูนย์สุขภาวะ (Mental Well-Being Center) ภายใต้หน่วยงาน General Support Services (GS&S) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ร่วมสนับสนุนงานครั้งนี้ด้วยการจัดเวิร์กช็อปและแบบประเมินเชิงจิตวิทยา เพื่อช่วยให้นักศึกษาได้สำรวจสภาพจิตใจและศักยภาพของตนเอง โดยมี ดร.อสมา คัมภิรานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาวะ เป็นผู้ดูแลกิจกรรม ระบุว่า ศูนย์ฯ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ดูแลสวัสดิการทุนการศึกษา ให้คำแนะนำด้านสุขภาวะจิตรวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารและการวินัยนักศึกษา เพื่อสนับสนุนนักศึกษาทุกคนให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรอบด้านและเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก
“สำหรับการจัดบูธวันนี้มีกิจกรรมให้เลือกทำ 3 รูปแบบ ได้แก่ “คำคมฮีลใจ (Quote Card)” บัตรคำคมจากทฤษฎีจิตวิทยาการให้คำปรึกษาที่นักศึกษาสามารถหยิบไปถ่ายรูปและลุ้นรับดอกไม้ตามสีต่างๆ, “เขียนระบายใจ (Heart-Paper Release)” กิจกรรมเขียนข้อความลงบนกระดาษรูปหัวใจแล้วขยำใส่กล่องระบายใจเพื่อปล่อยวางความกังวล และ “มายด์คัลเลอร์เทสต์ (Mind-Color Test)” การเลือกสีจากตัวเลือก 9 สีเพื่อสะท้อนอารมณ์ในขณะนั้น โดยผลกิจกรรมเป็นเพียงการสำรวจความรู้สึก ไม่ใช่การวินิจฉัยสุขภาพจิต” ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาวะ กล่าว
บูธยังถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ผ่อนคลายด้วยมุมถ่ายรูป ป้ายข้อความชวนพักใจ และพรมสีเขียวสำหรับกระตุ้นประสาทสัมผัส โดยเชิญนักศึกษาถอดรองเท้าเพื่อสัมผัสพื้นผิว นำความรู้เรื่องการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 มาประยุกต์กับการดูแลสุขภาวะจิต นอกจากนี้ศูนย์ฯ ยังเปิดช่องทางดิจิทัลทั้ง LINE Official และ Instagram เพื่อให้นักศึกษาจองคิวให้คำปรึกษา และทำแบบวัดระดับความสุข (happiness level) หากผลประเมินพบว่าระดับความสุขน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ นักศึกษาสามารถจองคิวเพื่อขอคำปรึกษาได้ทันที