เครื่องดื่มเย็นๆ ที่ช่วยให้เลือดสะอาด "คุณค่าดีไม่แพ้โสม" หาซื้อง่ายจากตลาด
เครื่องดื่มบำรุงเลือด คุณค่า "เทียบเท่าโสม" ที่หาซื้อได้ง่ายในตลาด ช่วยลดความดัน-คอเลสเตอรอล
หัวบีทรูท คือพืชที่สามารถนำมาปรุงได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการกินสด ต้ม ดอง หรือนำมาคั้นเป็นน้ำ ด้วยความยืดหยุ่นในการใช้งาน ทำให้เป็นวัตถุดิบที่หาซื้อได้ง่ายในตลาด
น้ำคั้นจากหัวบีทรูทถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้สูงอายุ และนักกีฬา เนื่องจากมีการศึกษาพบว่ามันส่งผลต่อร่างกายได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนกว่าการกินหัวบีทรูทโดยตรง
เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไนเตรต วิตามิน และแร่ธาตุ น้ำบีทรูทจึงช่วยเพิ่มพลังงาน สนับสนุนการฟื้นตัวของร่างกาย และยังมีชื่อเสียงในการปรับปรุงความดันโลหิตและช่วยลดคอเลสเตอรอล
4 ประโยชน์เชิงบวกที่มาพร้อมกับการดื่มน้ำบีทรูท
1. เพิ่มความทนทานและประสิทธิภาพการออกกำลังกาย
หากต้องการยืดระยะเวลาการออกกำลังกายหรือทำให้การวิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น การดื่มน้ำบีทรูทหนึ่งแก้วก่อนออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมงสามารถช่วยได้
งานวิจัยพบว่า สารไนเตรตในบีทรูทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหดตัวของกล้ามเนื้อ โดยกลุ่มทดลองที่ดื่มน้ำบีทรูทก่อนวิ่ง 4 กิโลเมตร สามารถทำเวลาได้เร็วกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกถึง 2 นาที
2. ลดความดันโลหิต
เมื่อไนเตรตในบีทรูทเข้าสู่ร่างกาย จะถูกเปลี่ยนเป็นไนตริกออกไซด์ ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยขยายหลอดเลือด ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต และลดแรงดันบนผนังหลอดเลือด
การศึกษาขนาดเล็กพบว่า ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงที่ดื่มน้ำบีทรูทหนึ่งแก้วทุกวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีความดันลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังช่วยปรับปรุงการทำงานของเยื่อบุผนังหลอดเลือด (Endothelium) ได้ถึง 20%
3. สนับสนุนการควบคุมคอเลสเตอรอล
น้ำบีทรูทเป็นประโยชน์ในการควบคุมคอเลสเตอรอลด้วยเช่นกัน ผลการศึกษาหนึ่งในกลุ่มนักกีฬาพบว่า การดื่มน้ำบีทรูท 1–2 แก้วต่อวัน เป็นเวลา 15 วัน ช่วยเพิ่ม HDL (คอเลสเตอรอลดี) ขึ้น 7 จุด และลด LDL (คอเลสเตอรอลไม่ดี) ลงเฉลี่ย 10 จุด
4. ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
หลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ร่างกายมักเกิดอาการตึงและปวดกล้ามเนื้อ การดื่มน้ำบีทรูททันทีหลังการออกกำลังกายอาจช่วยลดระยะเวลาในการฟื้นตัวได้
ประโยชน์นี้มาจากไนเตรตและสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง ซึ่งมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและจำกัดความเสียหายที่เกิดขึ้น
ข้อควรระวังสำคัญ 3 ประการในการบริโภคน้ำบีทรูท
- 1. ผู้ป่วยนิ่วในไตควรจำกัด:
หัวบีทรูทมีสารออกซาเลต (Oxalate) สูง ซึ่งสามารถรวมตัวกับแคลเซียมและก่อตัวเป็นนิ่วในไตได้ หากบริโภคบ่อยครั้งหรือในปริมาณมาก ผู้ที่มีประวัติเป็นนิ่วในไตจึงมีความเสี่ยงที่อาการจะกำเริบ
- 2. หลีกเลี่ยงการผสมกับนม:
แม้บางคนจะต้องการเพิ่มรสชาติมันและหวาน แต่การผสมน้ำบีทรูทกับนมอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและอาจให้ผลตรงกันข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีระบบย่อยอาหารที่ไวต่อปฏิกิริยา
- 3. ห้ามใช้กับทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน:
แม้จะเชื่อกันว่าบีทรูทช่วยบำรุงเลือด แต่ทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนไม่ควรได้รับน้ำบีทรูทอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาจนำไปสู่ภาวะเป็นพิษและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
น้ำบีทรูทสีแดงสดนี้เป็นเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสามารถหาซื้อได้ง่ายในตลาด เพียงแต่ผู้บริโภคจำเป็นต้องระมัดระวังในการใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นนิ่วในไต
