8 ข้อผิดพลาดในการ "กินไก่" ที่หลายคนทำประจำ แต่อาจนำโรคภัยมาให้
กินไก่อย่างไรให้ปลอดภัย? ผู้เชี่ยวชาญเตือน 8 ความเข้าใจผิดที่หลายคนยังทำอยู่
เนื้อไก่เป็นอาหารที่อยู่บนโต๊ะคนเอเชียมายาวนาน แต่แม้จะเป็นเมนูเรียบง่าย หลายพฤติกรรมที่ดูไม่เป็นเรื่องกลับแฝงความเสี่ยงต่อสุขภาพ ทั้งต่อหัวใจ ระบบทางเดินอาหาร และสุขภาพช่องปาก ผู้เชี่ยวชาญจึงเตือนว่า การกินไก่ “ไม่ใช่จะกินแบบไหนก็ได้” หากทำผิดวิธีอาจก่อปัญหาในระยะยาวโดยไม่รู้ตัว
1. หนังไก่กรอบอร่อย แต่ไม่ควรกินบ่อย
หนังไก่คือรสสัมผัสที่หลายคนหลงรัก แต่ในหนังไก่ 100 กรัม อาจมีไขมันมากกว่า 40 กรัม โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล ผู้ที่ยังอายุน้อยอาจกินได้เป็นครั้งคราว แต่สำหรับผู้สูงวัย หรือผู้ที่มีความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดผิดปกติ การกินหนังไก่บ่อยครั้งอาจทำให้ค่าคอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นสู่ระดับเสี่ยง

นอกจากนี้ หนังไก่ยังเป็นบริเวณที่อาจสะสมยาสัตว์หรือสารตกค้างจากการเลี้ยงไก่ จึงไม่ควรบริโภคในปริมาณมากหรือบ่อยครั้ง
2. คอไก่…อร่อยแต่ซ่อนความเสี่ยง
คอไก่เป็นเมนูยอดนิยมในหลายร้าน แต่เป็นตำแหน่งที่มีต่อมไทรอยด์ ต่อมน้ำเหลือง และเนื้อเยื่อหลายชนิด ซึ่งเป็นจุดที่อาจสะสมสารตกค้างจากอาหารสัตว์ได้มากกว่าอวัยวะอื่นๆ
การเก็บตัวอย่างในบางพื้นที่ของจีนพบว่า คอไก่ไม่ทราบแหล่งที่มาอาจมีสารตกค้างในระดับสูง อีกทั้งคอไก่มีแต่กระดูก แข็ง เคี้ยวยาก กินมากเสี่ยงฟันบิ่นหรืออาจติดคอได้
3. แช่แข็งไก่ ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยเสมอไป
หลายคนคิดว่าการเก็บไก่ไว้ในช่องแช่แข็งคือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่ความจริงแล้ว อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียสเพียงชะลอการเติบโตของแบคทีเรีย ไม่ได้ฆ่าเชื้อ หากไก่ถูกละลายแล้วนำกลับไปแช่อีกครั้ง แบคทีเรียจะฟื้นตัวและเพิ่มจำนวนได้รวดเร็ว
ไก่ดิบเป็นแหล่งโปรตีนที่เหมาะต่อการเจริญของเชื้ออย่าง Salmonella และ Listeria หากเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดานานเกิน 48 ชั่วโมงก็ไม่ควรนำมาปรุง อีกทั้งหากวางรวมกับอาหารอื่นโดยไม่ปิดให้มิดชิด จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนข้าม
4. ห้ามใช้ของสด–ของสุกปะปนกัน
หลักการง่ายๆ ที่หลายคนมักละเลย เช่น ใช้เขียงหรือมีดเดียวกันหั่นไก่ดิบและอาหารสุก ใช้น้ำหมักไก่ไปปรุงเมนูอื่น สิ่งเหล่านี้ทำให้แบคทีเรียกลับเข้าสู่อาหารจานสุดท้ายได้ง่าย เสี่ยงท้องเสีย ปวดท้อง หรืออาหารเป็นพิษ โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่เชื้อโรคขยายตัวเร็วขึ้น
5. อกไก่ไม่ได้ “ดีที่สุด” เสมอไป
แม้อกไก่จะเป็นที่นิยมในกลุ่มคนออกกำลังกาย แต่สารอาหารในอกไก่นั้นไม่ครบถ้วนเท่าส่วนอื่น เช่น น่องหรือปีก แม้จะมีโปรตีนมาก แต่มีวิตามินบี เหล็ก และสังกะสีต่ำกว่า อีกทั้งเนื้อค่อนข้างแห้ง ทำให้หลายคนกินแล้วรู้สึกอ่อนเพลียหรือกินได้ไม่มาก
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากต้องการได้รับสารอาหารครบถ้วน ควรสลับกินหลายส่วน ไม่จำเป็นต้องเลือกแต่อกไก่เพียงอย่างเดียว
6. ไก่ที่โตเร็ว เนื้อนุ่ม แต่คุณค่าลดลง
ในบางพื้นที่ ผู้เลี้ยงอาจใช้สารเร่งการเจริญเติบโตเพื่อให้ไก่โตเร็วขึ้น ส่งผลให้เนื้อไก่นิ่ม แต่กล้ามเนื้อพัฒนาไม่เต็มที่ คุณค่าทางโภชนาการลดลง
หากมีสารเร่งตกค้าง ผู้บริโภค โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น อาจได้รับผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนในระยะยาว

7. เคี่ยวน้ำซุปนานเกินไป ไม่ได้ช่วยเพิ่มสารอาหาร
ความเชื่อที่ว่า “ยิ่งต้ม ยิ่งได้ประโยชน์” ไม่ถูกต้องนัก เพราะส่วนใหญ่สารอาหารละลายน้ำจะออกมาภายใน 1–2 ชั่วโมงแรก การเคี่ยวนานเกินไปทำให้ไขมันและคอเลสเตอรอลในน้ำซุปเพิ่มขึ้น และโปรตีนบางส่วนอาจเสื่อมสภาพ
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของจีนพบว่า การเคี่ยวนานไม่ได้เพิ่มคุณค่าของน้ำซุป แต่ทำให้น้ำซุปมันและข้นขึ้นเท่านั้น
8. กินไก่มากเกินไปก็เป็นภาระต่อร่างกาย
แม้เนื้อไก่จะจัดเป็น “เนื้อขาวที่ดีต่อสุขภาพ” แต่การกินมากเกินไป หรือทำด้วยวิธีทอด ชุบแป้ง หรือหมักเค็ม ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบ เพิ่มภาวะเครียดออกซิเดชัน และรบกวนการย่อยได้
สำหรับผู้ที่มีโรคไต ปัญหาการเผาผลาญ หรือโรคถุงน้ำดี การกินโปรตีนจากไก่ในปริมาณมากเกินไปก็อาจไม่เหมาะสม
กินไก่อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ?
เนื้อไก่ยังคงเป็นอาหารที่มีคุณค่าและเหมาะกับทุกครอบครัว หากต้องการให้ปลอดภัยและดีต่อร่างกาย ควรเลือกแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ เก็บรักษาถูกวิธี แยกของดิบออกจากของสุก ลดการกินหนังไก่และคอไก่ หลีกเลี่ยงการทอดหรือการปรุงที่ใช้น้ำมันมาก รวมถึงไม่ควรเก็บไก่ไว้นานเกินไป