
ย้อนดูคดีฆาตกรรมอำพราง รุมโทรมสาวเสิร์ฟ
ความสงสัยที่รอการคลี่คลายจากคดีสาวเสิร์ฟวัย 24 ปี ที่เสียชีวิตอย่างปริศนาภายในบ้านพักหลังหนึ่งในอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
โดยลักษณะศพเสียชีวิตในท่านั่งคอถูกแขวนกับลูกบิดประตูภายในบ้าน โดยเฉพาะบริเวณคอที่มีลักษณะถูกกดทับผิดปกติ สภาพชุดชั้นในใส่กลับด้าน อวัยวะเพศบวมช้ำ และพบอสุจิผสมกับกองเลือดภายในห้องพัก
ซึ่งทางพ่อแม่ผู้เสียชีวิตได้อ้างว่าตำรวจสรุปเป็นเหตุฆ่าตัวตายเนื่องจากเมายาบ้าจึงได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมนำไปสู่การคลี่คลายคดีเหตุฆาตกรรมอำพราง
เหตุการณ์เศร้าสลดเกิดขึ้นเมื่อคืนของวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อแฟนของผู้ตายได้ชักชวนไปกินหมูกระทะที่บ้านพักพร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน รวมเป็นผู้ชาย 4 คน หญิง 1 คน จากนั้นเมื่อกินหมูกระทะเสร็จฝ่ายหญิงจึงได้ขึ้นไปนอนที่ชั้น 2 ของบ้านก่อนพบกลายเป็นศพอย่างปริศนา
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าตรวจสอบพร้อมสันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย แต่ทางพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตไม่ปักใจเชื่อจึงร้องขอความเป็นธรรมเพราะผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คน มีทั้งลูกตำรวจ,ครูและ อบต. แต่สภาพศพลูกสาวเหมือนกับการถูกฆาตกรรม
“เปิดดูหน้าลูก จับมือลูก ใบหน้าดูบวม คอบวม ปากเขียวดำอย่างกับน้ำหมึก พอไปดูที่แขวนและหัวไหล่มีรอยแดงเป็นจ้ำไปหมดเลยทั้งที่แขนและข้อมือ ส่วนท้ายทอยมีลักษณะคล้ายโดนทุบหรือโดนเตะด้วย จึงขอดูสำนวนก็ไม่พบอะไรเลยมีแต่การผูกคอตายอย่างเดียว
ผมก็ว่าทำไมเป็นอย่างนี้ ผู้ชาย 4 คน เป็นคนกระทำทำไมไม่จับมา มีทั้งรอยเล็บที่หน้า ที่อกที่คอก็มี ทำไมตำรวจว่าตรวจหมดแล้วแต่ไม่มีอะไรเลย ไม่พบหลักฐานเป็นการผูกคอตายธรรมดา”
สอดคล้องกับเพื่อนสนิทของผู้ตายที่คบกันมา 8 ปี ที่คุยกันทุกวันให้การคล้ายกันว่าไม่เชื่อที่เพื่อนจะผูกคอตาย เพราะในวันเกิดเหตุน้องบุ๋มได้วิดีโอคอลมาหาสีหน้าท่าทางดูสดใสร่าเริงและยังให้ตนคุยกับเพื่อผู้ชาย 4 คน ที่ตนไม่รู้จักอีกด้วย แต่พอคุยกันก็รู้สึกแปลกๆ ลักษณะคล้ายกับคนเมายาจึงเตือนน้องบุ๋มให้ระวังตัว
แต่น้องบุ๋มกลับตอบกลับมาว่าไม่เป็นไรก็เพื่อนกัน ส่วนประเด็นที่แฟนหนุ่มขี่บิ๊กไบค์เสียชีวิตนั้นทางน้องบุ๋มไม่ได้เสียใจแล้ว จึงเชื่อว่าน้องบุ๋มไม่มีทางฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน
ด้านเจ้าของบ้านซึ่งเป็นพ่อของผู้ต้องสงสัยยืนยันว่าได้สอบถามลูกชายแล้วพบว่าหญิงสาวเป็นคนผูกคอฆ่าตัวตายเอง ลูกชายของตัวเองไม่ได้เป็นคนทำ พร้อมสาธิตการผูกคอกับลูกบิดประตูแค่ 3 วินาที ประสาทก็ไม่ทำงานแล้ว
“ที่มาเนี่ยผมดีใจมากเลยเรื่องจะได้เคลียร์สักที จุดเกิดเหตุอยู่ที่หน้าประตู ถ้าเค้าโดนกระทำจริงเค้าต้องวิ่งหนีออกมาแล้ว ไม่มีทีท่าเรียบร้อยแบบนี้ ผมได้สอบถามทั้ง 4 คนว่าได้กระทำหรือไม่
ซึ่งทั้งหมดได้ตอบว่าไม่ได้ทำไม่มีที่จะไปฆ่าเค้าหรอก เพราะผมดูแล้วว่าเค้าไม่ได้เป็นโรคจิตหรือโหดร้าย ถ้าคิดว่าเค้าจะไปฆ่าจะฆ่าด้วยเหตุอะไร”
แต่ทั้งนี้จากหลักฐานในที่เกิดเหตุคือถุงยางอนามัยใช้แล้วตกอยู่จำนวน 2 ชิ้น ขนเพชรที่ตกจากศพและเนื้อเยื่อในซอกเล็บของผู้ตาย รวมถึงสายชาร์ตโทรศัพท์ พบว่ามีดีเอ็นเอพบตรงกับ 3ผู้ต้องสงสัยจากทั้งหมด 4 คน
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอศาลอนุมัติหมายจับทั้ง 4 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น / ร่วมกันย้ายทำลายศพ ปิดบังสาเหตุการตาย / ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา อันเป็นลักษณะโทรมหญิง
ประกอบด้วย นายอธิพัชร์ อายุ 23 ปี (ลูกเจ้าของบ้าน) , นายนันทพร อายุ 23 ปี , นายสันติ อายุ 23 ปี และนายศุภกร อายุ 23 ปี ซึ่งทั้ง 4 คนยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนว่ามีหลักฐานที่สามารถเอาผิดได้แน่นอน
คดีนี้ต้องยอมรับว่ามีเงื่อนงำและข้อพิรุธมากมาย ถ้าว่าหากไม่มีการนำเสนอข่าวและร้องขอความเป็นธรรมแล้วผลสรุปของคดีจะออกมาในรูปแบบใดกันแน่