ย้อนรอย 5 คดีแอบรักสยอง สนองตัณหาด้วยเลือด
การแอบรักใครสักคนย่อมเป็นความรู้สึกที่พิเศษที่กลายเป็นแรงกระตุ้นทำให้คนเราสามารถทำสิ่งใดก็ได้ขอเพียงเพื่อได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่แอบฝันถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัวเลยก็ตาม แต่ความรู้สึกดีๆเหล่านั้นช่างกลายเป็นสิ่งสวยงามที่น่าประทบใจเสียอย่างยิ่งกับการได้แอบรักแอบชอบอยู่ห่างๆ
แต่บางครั้งสำหรับบางคนกลับใช้แรงกระตุ้นสร้างแรงปรารถนาทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามเพียงเพื่อสนองความต้องการของตัวเองมากเกินไปเคราะห์ร้ายจึงเกิดขึ้นกับเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้ตัวว่าภัยคุกคามกำลังมาถึงตัวแบบไม่ได้รับเชิญ
ย้อนรอยอุทาหรณ์รู้หน้าไม่รู้ใจ 5 คดีฆาตกรแอบรักสยองสนองตัณหาด้วยเลือด...
คดีแรกฆ่าโหดสาวหน้าตาดี แทงพรุนกว่า 20 แผล ดับสยองคาคอนโด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กันยายน 60 เมื่อเจ้าหน้าที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พบผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ประภาพร อายุ 19 ปี พนักงานคลินิกเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่ง
สภาพศพนอนหงายมีผ้าห่มปิดอยู่บนใบหน้าและร่างกาย สวมเสื้อยืดสีดำ กระโปรงสีดำถูกเปิดขึ้นไปกองอยู่ที่เอว สวมกางเกงในสีแดง มีเลือดตามร่างกายและพื้นห้อง พบบาดแผลถูกแทงที่ลำตัวกว่า 20 จุด สภาพห้องพักถูกรื้อค้น
คดีนี้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถจับตัวคนร้ายได้ทันควันคือ นายธีระพงษ์ หรือ หนุ่ม อายุ 29 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามที่พักของผู้ตาย
สารภาพว่าแอบชอบผู้ตายมานานแล้วแต่หญิงสาวไม่เล่นด้วย เมื่อสบโอกาสจึงแอบเข้าไปในห้องผู้ตาย แต่ผู้ตายรู้ตัวจึงเกิดการต่อสู้กันและตนเองจึงใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายจนเสียชีวิต จากนั้นได้เอาทรัพย์สินของผู้ตายหลบหนีไป
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าคนร้ายเคยถูกจับจำคุกที่เรือนจังหวัดนนทบุรีในข้อหาพยายามฆ่า โดยถูกศาลตัดสินจำคุก 33 ปีแต่รับสารภาพเหลือจำคุกเพียง 9 ปีก็พ้นโทษออกมาเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา
คดีที่สอง ภัยใกล้ชิด มิตรฆาตกร “แป๊ก ปากหวาน” คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 60 พบเด็กหญิงวัยเพียง 14 ปี นอนเสียชีวิตอย่างปริศนาอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.สิบเอ็ดศอก อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะนั้นยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร
โดยเบื้องต้นทางครอบครัวเชื่อว่าเกิดจากเหล็กดัดฟันติดคอจนทำให้ขาดอากาศหายใจเสียชีวิต แต่แล้วผลชันสูตรกลับพบว่าน้องวัย 14 ปีเสียชีวิตจากการถูกบีบคอและพบร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกด้วย
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตามแกะรอยฆาตกรจากดีเอ็นเอน้ำอสุจิจนสามารถจับตัวฆาตกรได้ในที่สุดคือ นายสุพรชัย หรือฉายา “แป๊ก ปากหวาน” อายุ 31 ปี สารภาพว่าแอบชอบผู้ตามานานและจะแซวทุกครั้งเวลาเจอหน้าน้องเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว
ก่อนเกิดเหตุดื่มเบียร์เข้าไปและเดินไปที่บ้านน้องพบว่านอนอนอยู่คนเดียวจึงใช้กำลังล่วงละเมิดทางเพศ ก่อนฆ่าปิดปากเพราะกลัวน้องเค้าจำหน้าได้ ที่สำคัญฆาตกรรายนี้ได้ก่อคดีข่มขืนมาแล้วถึง 3 ครั้ง ก่อนมาก่อเหตุครั้งที่ 4 หลังหนีมากบดานเพียงไม่นาน
คดีต่อมาร่างทรงหื่น ลวงข่มขืนฆ่านักศึกษาสาว คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มกราคม 60 พบศพหญิงสาวหน้าตาดีถูกฆ่าตายบริเวณคันนาบ้านปากคอก หมู่ 9 ต.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ปูเป้ นักศึกษาชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งในภาคกลาง
สภาพศพเป็นหญิงสาวหน้าตาสวย สวมเสื้อสีแดง กางเกงยีนส์ มีน้ำลายฟูมปาก มีแผลถลอกที่แขน ถูกอำพรางโดยมีถุงปุ๋ยคลุมร่างแล้วมีก้อนอิฐทับไว้อีกที ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ฆาตกรจึงน่าจะรู้จักผู้ตายเป็นอย่างดี
ซึ่งเจ้าหน้าใช้เวลาเพียงวันเดียวก็สามารถจับคนร้ายได้นั่นคือ นายกฤษฎา หรือกฤษ อายุ 20 ปี ร่างทรงเจ้าพ่อเสือ ที่สำนักปู่เสือ ที่ต.ทุ่งคอก สารภาพว่าตนเองรู้จักน้องเค้าทางเฟซบุ๊กมากว่า 3 ปีแล้วและแอบชอบผู้ตายมานานไม่ใช่แฟน แค่จีบกัน แต่เขาไม่ยอม วันเกิดเหตุยายไม่อยู่บ้านจึงนัดผู้ตายมาหาเพื่อทำพิธีครอบครู
จากนั้นผู้ตายเกิดปวดท้องจึงแอบเอายาเบื่อให้กิน ก่อนลงมือข่มขืนโดยที่เหยื่อยังไม่หมดสติ ต่อมาน้องปูเป้เสียชีวิตไม่รู้ว่าจะทำยังไง จึงเอาศพไปทิ้งทันทีหลังเสียชีวิต โดยลงมือคนเดียว ซึ่งจุดที่พบศพคือทุ่งนาที่ตนเองเคยไปนั่งเล่น ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เคยพูดคุยกันจีบกันถึง 3 ปีจะกลายเป็นฆาตกรไปได้
คดีที่สี่ฆ่าข่มขืนปาดคอครูสาว ดับสยองคาห้องเช่า อีกหนึ่งคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 59 พบศพหญิงสาวถูกฆ่าปาดคอเสียชีวิตในห้องเช่าแห่งหนึ่งใน ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี สภาพศพเปลือย ไม่สวมเสื้อผ้า
นอนหงายจมกองเลือด บริเวณลำคอมีแผลเหวอะหวิดขาด ข้างศพพบมีดปลายแหลมแบบทำครัว เปื้อนเลือด ยาว 1 ฟุต วางอยู่ 1 เล่ม ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.จุฬารัตน์ อายุ 27 ปี เป็นครูสาวหน้าตาดีและมีนิสัยร่าเริงจิตใจดีเป็นที่รักของทุกคน
คดีนี้ฆาตกรไม่ใช่ใครที่ไหนคือเพื่อนบ้านที่เช่าห้องอยู่เยื้องกัน คือ นายชาตรี อายุ 21 ปี สารภาพว่าตนเองรู้จักกับผู้ตายมาประมาณ 4-5 เดือน เคยพูดคุยกันในฐานะเพื่อนตามปกติ แต่ไม่เคยจีบแม้ว่าจะรู้สึกแอบชอบก็ตาม ก่อนเกิดเหตุดื่มเบียร์ไป 1 ขวด จนเกิดอารมณ์ บวกกับตนเองมีความเครียดเนื่องจากว่าไม่มีเงินใช้
จึงเกิดความคิดว่าจะเข้าไปลักทรัพย์และหวังจะข่มขืนผู้ตายด้วย หลังจากผู้ตายเข้านอนจึงเข้าไปเปิดประตูเพราะทราบมาว่าลูกบิดเสีย แต่บังเอิญไปเตะสายไฟทำให้ครูสาวรู้สึกตัวตกใจตื่น พร้อมกับส่งเสียงร้อง จึงใช้มือปิดปากและใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิตเพราะกลัวความผิด หลังก่อเหตุกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
นอกจากนี้คนร้ายมีประวัติเคยก่อเกตุข่มขืนเมียเพื่อนเมื่อปี2556 ก่อนเพิ่งพ้นโทษอออกมาได้ 10 เดือนและมาก่อเหตุซ้ำอีก เหตุการณ์นี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับครูสาวรายนี้เลยจริงๆเพราะเป็นคนอัธยาศัยดีซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายกำลังนั่งรับประทานอาหารกับเพื่อนครู และยังชวนนายชาตรีร่วมรับประทานอาหารด้วย แต่นายชาตรีได้ตอบปฏิเสธ
คดีสุดท้ายเพื่อนบ้านโหด ฆ่าข่มขืนน้องเพลงหมกศพยัดท่อ เหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 เมื่อน้องเพลง หรือ ด.ญ.เกตุมาตุ อายุ 11 ปี สูง 145 ซม. กำลังเรียนชั้น ป.6 อ.เมืองตรัง ได้หายตัวไปจากบ้านแถววัดควนขัน หลังจากนั้นเพียง 3 วัน คือ วันที่ 12 พฤษภาคม 2557 ก็ศพของน้องเพลงถูกยัดภายในท่อคูน้ำถนน ทางเข้าวัดพระงาม หมู่ 7 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง
ซึ่งจากการสันสูตรพบว่าคนร้ายได้บีบจมูกและปาก พร้อมทุบศีรษะอย่างทารุณ ก่อนจะลงมือข่มขืนอย่างโหดเหี้ยมแบบซาดิสต์วิตถารจนอวัยวะฉีกขาดไปหมด
ซึ่งคนร้ายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ นายประถมพงษ์ หรือ แต๋ม อายุ 36 ปี ผู้เป็นเพื่อนบ้านของน้องเพลง โดยตรวจพบแผ่นหลังมีรอยถูกข่วน(เหมือนเล็บ)และรอยขีดที่หลัง(เหมือนรอยครูดกับปูน) เมื่อตรวจปัสสาวะพบมีสีม่วง และมีการฝังวัตถุ(มุก)ที่อวัยวะเพศด้วย
ถึงแม้จะมีหลักฐานชัดเจน แต่ผู้ต้องหากลับไม่ยอมรับสารภาพ ทั้งนี้ผู้ต้องหาเคยมีคดีทำอนาจารในพื้นที่จังหวัดตรังมาแล้ว และต่อสู้คดีจนหลุดพ้นการรับโทษมาได้
ด้านสาเหตุของการลงมือสังหารโหดครั้งนี้ เกิดจากการที่คนร้ายแอบชอบน้องเพลงมานานแล้ว และน้องเพลงยืมแผ่นซีดีกับลูกสาวของตนเองวัย 3 ขวบมาแล้วหลายครั้ง โดยวันเกิดเหตุ น้องเพลง จะเอาแผ่นซีดีไปคืน แต่ขณะนั้นในบ้านอยู่เพียงลำพัง จึงได้ลงมือข่มขืนแล้วฆ่า
ซึ่งขณะเกิดเหตุลูกชายวัย 14 ปี ของผู้ต้องหากลับมาบ้านเห็นเหตุการณ์พอดี และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบเค้นจึงยอมให้การที่เป็นประโยชน์มัดพ่อตัวเอง คดีนี้ถือว่าสะเทือนใจพอสมควรเพราะคนร้ายคือเพื่อนบ้านเห็นหน้ากันทุกวันและที่สำคัญตัวเองก็เป็นพ่อเหมือนกันทำไมถึงกล้าทำได้ลงคอ
5 คดีที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องสะท้อนในสังคมได้ดีว่าภัยอันตรายนั้นอยู่รอยกายเราทุกย่างก้าว จงใช้ชีวิตอย่าประมาท เพราะคนเราสมัยนี้มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีน้อยลงมาก อยากได้อะไรก็ต้องได้เสมอ ไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะระบบสังคมที่ล้มเหลว หรือ ระบบความคิดถูกผิดส่วนบุคคลเริ่มจางหายไป ที่สำคัญคนร้ายส่วนใหญ่มักเคยก่อเหตุมาแล้ว...