ชายวัย 58 ช็อก ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร! แต่พบ "นิ่วขนาดใหญ่ 6 ก้อน" หมอเฉลยสาเหตุ

ชายวัย 58 ปี ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร! แต่กลับพบ “นิ่วขนาดใหญ่ 6 ก้อน” เจ็บปวดจนทนไม่ไหว หมอเผยสาเหตุ

เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า ชายวัย 58 ปี นามว่า หวัง ขณะทำงานอยู่เกิดอาการปวดท้องส่วนบนอย่างกะทันหัน เหงื่อไหลเย็นจนทนไม่ไหว ถึงขั้นลงไปนอนกลิ้งกับพื้นด้วยความเจ็บปวด จนต้องรีบเข้าห้องฉุกเฉินทันที แพทย์ตรวจด้วยเครื่อง CT Scan พบว่ามี "นิ่วในถุงน้ำดี" ถึง 6 ก้อน

ศัลยแพทย์ หลี่ปั๋วจาง อธิบายว่า ชายคนนี้ไม่มีอาการหรือความเจ็บปวดใด ๆ มาก่อนเลย และยังดื่มน้ำถึงวันละ 2 ลิตร เป็นประจำ หลังจากตรวจหาสาเหตุพบว่าเป็นความผิดปกติในระบบท่อน้ำดี ทำให้การระบายของน้ำดีไม่ดี เกิดการคั่งค้างและสะสมนานวันจนก่อตัวเป็นนิ่วที่ขวางทางออกของถุงน้ำดี ส่งผลให้เกิดอาการปวดเฉียบพลัน

ดร.หลี่ปั๋วจาง เลขานุการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์จีน สาขาซินจู๋ ของไต้หวัน กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้มีความผิดปกติในระบบท่อน้ำดี โดยท่อน้ำดีจากตับซ้ายและขวาอยู่ใกล้กับเส้นเลือดที่ประตูตับ ขณะที่ท่อน้ำดีของถุงน้ำดีเชื่อมต่อกับท่อน้ำดีของตับขวา ซึ่งโดยปกติจะต้องเชื่อมต่อกับท่อน้ำดีหลัก ความผิดปกตินี้ทำให้การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีโอกาสทำให้ท่อน้ำดีบาดเจ็บ

ดังนั้นแพทย์จึงเลือกใช้เทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้อง 3 มิติ ที่ช่วยให้เห็นภาพชัดเจน สามารถแยกท่อน้ำดีของถุงน้ำดีและตับขวาออกอย่างปลอดภัย พร้อมกับตัดถุงน้ำดีออกได้สำเร็จ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการนำก้อนนิ่ว 6 ก้อนออกมา โดยก้อนที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดประมาณ 1.5 เซนติเมตร ผู้ป่วยสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในวันถัดไปโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ดร.หลี่ปั๋วจาง อธิบายว่า ผู้ป่วยรายนี้มีการอักเสบของถุงน้ำดีอย่างรุนแรงจนต้องตัดถุงน้ำดีออก กลายเป็นคนไม่มีถุงน้ำดี แต่การไม่มีถุงน้ำดีจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อการดูดซึมสารอาหาร เนื่องจากการย่อยไขมันต้องอาศัยน้ำดีที่ช่วยในการย่อย

ซึ่งตอนนี้น้ำดีจะถูกขับลงสู่ลำไส้เล็กส่วนต้นโดยตรง หากรับประทานอาหารที่มีไขมันมากหรือน้ำมันเยอะ อาจย่อยได้ยากและกระตุ้นระบบทางเดินอาหาร ทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้เร็วขึ้น มีโอกาสท้องเสียได้ง่าย จึงแนะนำให้ผู้ป่วยเลือกทานอาหารที่เบาและย่อยง่าย

นอกจากนี้ ดร.หลี่ปั๋วจาง ยังกล่าวว่า แม้การผ่าตัดนี้เป็นแบบแผลเล็กขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร แต่การสมานของแผลและการดูดซึมไหมต้องใช้เวลาประมาณ 60-90 วัน หากออกแรงที่ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องสูงในช่วงที่แผลยังไม่หายสนิท อาจเสี่ยงต่อการฉีกขาดของแผล ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะไส้เลื่อนจากแผลผ่าตัดและต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง

ดังนั้นแพทย์จึงเตือนให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือการฝึกกล้ามเนื้อหนักในช่วง 1-1.5 เดือนหลังผ่าตัด