
แพทย์สอนกิน "สลายนิ่วในไต" แค่อาหารง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งยา ละลายตั้งแต่สาเหตุโรค!
เปิดวิธี “กิน” ละลายสลายสาเหตุโรค หมอชี้ทางปรับพฤติกรรม 4 อย่างง่ายๆ ป้องกัน “นิ่วในไต” ได้ผลจริง!
นิ่วในไต เป็นหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อย และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มชายวัยทำงาน แม้จะเป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวดและเสี่ยงต่อสุขภาพไตในระยะยาว แต่ข่าวดีคือ เราสามารถป้องกันและควบคุมโรคนี้ได้ด้วย “การกิน” ที่ถูกวิธี
หมอผู้เชี่ยวชาญด้านโรคไตจากศูนย์โรคไตและระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบั๊กไม ประเทศเวียดนาม เผยเคล็ดลับแบบง่ายแต่ได้ผล ผ่านทางการปรับอาหารเพียงไม่กี่จุด แต่สามารถช่วย “ละลายนิ่ว” หรือลดโอกาสเกิดนิ่วในไต และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้อย่างชัดเจน
4 กฎทอง “การกิน” ป้องกันนิ่วในไต
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ – กุญแจสำคัญล้างนิ่วจากไต
-
การดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 2–3 ลิตร ช่วยลดความเข้มข้นของเกลือแร่ในปัสสาวะ ทำให้นิ่วไม่สามารถตกผลึกได้
-
ดื่มน้ำแบบ “กระจายตลอดวัน” ไม่ควรรอจนกระหายน้ำ
-
แนะนำ: ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำแร่ไม่มีแก๊ส หลีกเลี่ยงน้ำอัดลมและน้ำผลไม้หวานจัด
2. ลดเค็ม ลดโซเดียม – ลดภาระให้ไต
-
เกลือหรือโซเดียมทำให้ระดับแคลเซียมในปัสสาวะเพิ่มขึ้น เสี่ยงเกิดนิ่ว
-
ควรจำกัดปริมาณโซเดียมไม่เกิน 2,300 มก.ต่อวัน
-
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง และฟาสต์ฟู้ด
-
ใช้สมุนไพรเพิ่มรสแทน เช่น ใบโหระพา, กระเทียม, พริก, โรสแมรี่
3. ควบคุมโปรตีนจากสัตว์ – รักษาไตไม่ให้ทำงานหนัก
-
เนื้อแดง สัตว์ปีก และปลาเพิ่มกรดยูริกและแคลเซียมในปัสสาวะ
-
ควรลดปริมาณการบริโภค และหันมาเลือกโปรตีนจากพืชแทน เช่น ถั่ว, เต้าหู้, ธัญพืช
-
โปรตีนจากพืชยังช่วยเสริมใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
4. เพิ่มอาหารที่มี “ซิเตรต” – ตัวช่วยยับยั้งการก่อตัวของนิ่ว
-
ซิเตรตช่วยยับยั้งไม่ให้แคลเซียมและออกซาเลตจับตัวกัน
-
พบได้ในผลไม้ตระกูลส้ม เช่น มะนาว, ส้ม, ส้มโอ
-
ดื่มน้ำมะนาวไม่ใส่น้ำตาลทุกวันหรือน้ำส้มคั้นสดก็ช่วยลดโอกาสเกิดนิ่ว
นิ่วในไตคืออะไร? นิ่วในไตเกิดจากการตกผลึกของแร่ธาตุและเกลือในปัสสาวะที่ข้นเกินไป มักประกอบด้วยแคลเซียมออกซาเลต หากไม่ขับออกมา จะสะสมจนกลายเป็นก้อนนิ่วขนาดต่างๆ ภายในไตหรือท่อปัสสาวะ โดยอัตราการเป็นนิ่วในผู้ชายคือ 10% เสี่ยงเกิดนิ่วก่อนอายุ 70 ปี ขณะที่ผู้หญิงคือ 5% และผู้ที่เคยเป็นนิ่วแล้ว มีโอกาส “กลับมาเป็นซ้ำ” สูง
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ให้ทันท่วงที
-
ปวดหลัง ปวดเอว หรือปวดท้องข้างเดียว
-
ปัสสาวะขัด แสบ หรือปัสสาวะบ่อยแต่ไม่สุด
-
ปัสสาวะมีเลือด หรือกลิ่นเหม็นผิดปกติ
-
คลื่นไส้ อาเจียนโดยไม่มีสาเหตุ
-
มีไข้ หนาวสั่น อาจบ่งบอกว่ามีการติดเชื้อ
-
ปัสสาวะไม่ออกเลย (อันตราย ต้องไปโรงพยาบาลทันที)
นิ่วในไตป้องกันได้ แค่เปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ ในทุกวัน การมีวินัยในการดื่มน้ำ เลือกกินอาหารให้เหมาะสม ลดเค็ม ลดโปรตีนจากสัตว์ และเพิ่มผลไม้ที่มีซิเตรตในชีวิตประจำวัน คือกุญแจสำคัญในการป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคนิ่วในไตแบบยั่งยืน อย่ารอให้ปวดเอว หรือปัสสาวะเป็นเลือดก่อนถึงจะเริ่มดูแลตัวเอง เริ่มวันนี้ ไตคุณจะขอบคุณคุณในวันหน้า
- เช็กสักนิด! หมอเตือนผัก 4 ชนิด ติดอันดับ “ราชาตับเน่า” กินแล้วอย่าโทษตับเสื่อมก่อนวัย
- แพทย์อเมริกัน แนะนำเครื่องดื่ม 3 ชนิด ที่ตับและระบบย่อยอาหาร "ชอบ" ทุกอย่างมีขายในไทย!