ลูกสาว 4 ขวบ ไม่กินซุปที่บ้าน แม่เอะใจ ขอเช็กวงจรปิดรร.อนุบาล แจ้งตำรวจทันที
เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ไม่กล้ากินซุปที่บ้าน แม่สงสัย ขอเช็กกล้องวงจรปิดในโรงเรียนอนุบาล ภาพที่เห็นทำจุกออก ร้องไห้โฮ
เว็บไซต์ Sohu รายงานวเรื่องราวของคุณแม่ชาวจีนรายหนึ่ง ที่มณฑลเสฉวน ประเทศจีน เมื่อจู่ๆ ลูกสาววัย 4 ขวบ ของคุณหลี่ ก็พูดกับเธอว่ากลัวและไม่อยากกินซุป "แม่ หนูกลัว ไม่อยากกินซุป!" คุณหลี่รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงไปสอบถามที่โรงเรียนอนุบาล แต่ทางโรงเรียนมีท่าทีอึกอักและบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณหลี่ยืนกรานขอดูกล้องวงจรปิด และเมื่อดูจบ เธอรีบแจ้งความทันที
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2021 โดยระหว่างมื้อเช้า ลูกสาวของคุณหลี่บอกว่าเธอไม่อยากไปโรงเรียนอนุบาลอีกแล้ว คำพูดนี้ทำให้คุณหลี่ตกใจ เพราะลูกสาวของเธอเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด แม้กระทั่งวันแรกที่ไปโรงเรียน ลูกสาวก็ไม่แสดงอาการงอแงหรือร้องไห้ แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงมีท่าทีแบบนี้?
ระหว่างที่คุยกัน ลูกสาววางตะเกียบลง แต่ก่อนที่คุณหลี่จะทันถามเหตุผล เธอก็ร้องไห้โฮไม่หยุด จากนั้นรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ กอดขาคุณหลี่แน่น และไม่ยอมปล่อย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้คุณหลี่ตกใจมาก เธอพยายามปลอบลูกสาว ลูบศีรษะเบาๆ พร้อมถามว่า “หนูเป็นอะไร หรือมีอะไรเกิดขึ้นที่โรงเรียนหรือเปล่า?” แต่ไม่ว่าคุณหลี่จะถามอย่างไร ลูกสาวก็ไม่ยอมตอบ มีเพียงคำพูดซ้ำๆ ว่า “หนูไม่อยากไปโรงเรียน” คุณหลี่จึงปลอบลูกสาวว่า “วันนี้เราไม่ไปก็ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลูกสาวก็ดูสงบลง แต่พฤติกรรมนี้ทำให้คุณหลี่รู้สึกแปลกใจมาก จึงตัดสินใจพาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการ ผลการตรวจพบว่าลูกสาวของเธอมีภาวะปัญหาทางจิตอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้คุณหลี่แทบไม่เชื่อสายตา
นอกจากนี้ แพทย์ยังบอกคุณหลี่ว่า “อาการของเด็กน่าจะเกิดจากการตกใจหรือได้รับความหวาดกลัวอย่างรุนแรง”
เรื่องราวที่พลิกผันนี้ทำให้คุณหลี่ทั้งตกใจและสับสน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ในตอนแรกคุณหลี่คิดว่าเด็กเล็กไม่อยากไปโรงเรียนเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา
จนกระทั่งผลการวินิจฉัยออกมา คุณหลี่จึงเริ่มตระหนักว่าต้นตอของปัญหาอาจอยู่ที่โรงเรียนอนุบาล หลังจากจัดการให้ลูกสาวสงบลงแล้ว เธอตัดสินใจเดินทางไปที่โรงเรียนทันที
เมื่อทราบถึงจุดประสงค์ของคุณหลี่ ผู้บริหารโรงเรียนกลับมีท่าทีปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีทางเกี่ยวข้องกับโรงเรียน แต่คุณหลี่ไม่ปักใจเชื่อ เธอจึงไปพูดคุยกับครูประจำชั้นของลูกสาว แต่คำตอบของครูทำให้เธอช็อกอย่างมาก
“คุณมาหาฉันทำไม? ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ครูตอบพร้อมพยายามปัดความรับผิดชอบ แถมยังกล่าวว่า “นี่เป็นการสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผลของผู้ปกครอง”
ท่าทีที่รุนแรงและปัดความผิดชัดเจนเช่นนี้ ทำให้คุณหลี่โกรธจัด และมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงของลูกสาวต้องเกี่ยวข้องกับโรงเรียนอย่างแน่นอน เธอจึงตัดสินใจแจ้งความ
แต่คุณหลี่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า สิ่งที่เธอจะได้เห็นในกล้องวงจรปิดนั้น จะเป็นภาพที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้
ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ที่โรงเรียนและเรียกดูภาพจากกล้องวงจรปิด เมื่อครูประจำชั้นทราบเรื่องนี้ เธอก็เริ่มแสดงความลุกลี้ลุกลน และพยายามหาข้อแก้ตัวต่างๆ แต่ต่อหน้าตำรวจ ข้อแก้ตัวใดๆ ก็ไม่มีน้ำหนัก ในที่สุด ทุกคนได้นั่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียน เพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
สิ่งที่ปรากฏในกล้องทำให้คุณหลี่ร้องไห้ฟูมฟายแทบจะทันที ในภาพจากกล้อง คุณหลี่เห็นอย่างชัดเจนว่าลูกสาวของเธอถูกครูทำร้ายแทบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการดึงผม บิดหู หรือแม้กระทั่งใช้ไม้กวาดตี เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างตกตะลึงและสะเทือนใจอย่างที่สุด
ที่ยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้น ในวันหนึ่งขณะรับประทานอาหาร ลูกสาวของคุณหลี่แสดงอาการไม่อยากดื่มซุป เมื่อเห็นว่ามื้อกลางวันเป็นซุป เธอจึงลุกออกจากที่นั่ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้คุณหลี่แทบไม่อยากเชื่อ ครูคนดังกล่าวกลับบังคับให้ลูกสาวนั่งลงที่เก้าอี้อย่างรุนแรง แล้วจับถ้วยซุปกรอกใส่ปากลูกสาว แม้ว่าลูกสาวจะดิ้นรนขัดขืนเพียงใดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ภาพในวิดีโอทำให้คุณหลี่นึกถึงช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เมื่อลูกสาวกลับจากโรงเรียนในสภาพเลอะเทอะเต็มไปด้วยคราบสกปรก ในตอนนั้นเมื่อถามสาเหตุ ลูกสาวก็ตอบเพียงว่า "ตอนกินข้าวทำหกเลอะเอง" คุณหลี่จึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่กลับกลายเป็นว่าความจริงร้ายแรงกว่าที่เธอคาดคิด
ในภาพจากกล้องวงจรปิด แทบทุกวันจะเห็นลูกสาวถูกครูทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นเพียงเพราะบังเอิญชนขาครู ก็ต้องเผชิญกับการถูกลงโทษที่โหดร้าย เมื่อเห็นภาพดังกล่าว คุณหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ตอนเช้าที่ลูกสาวบอกไม่อยากไปโรงเรียน ความรู้สึกปวดร้าวท่วมท้นในใจเธอ
เธอลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ พร้อมจะเข้าไปเอาเรื่องกับครูประจำชั้นทันที แต่โชคดีที่มีคนเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน มิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่มีใครคาดเดาได้
เมื่อโรงเรียนและครูต้องเผชิญกับหลักฐานที่ชัดเจน พวกเขาไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใด ๆ ได้ สุดท้ายครูคนดังกล่าวถูกไล่ออกทันที พร้อมทั้งทางโรงเรียนได้ออกมาขอโทษคุณหลี่และลูกสาวอย่างจริงใจ
นอกจากนี้ ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางโรงเรียนได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในทุกชั้นเรียนและพฤติกรรมของครู เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก