ช็อก พบศพ 9 นักศึกษาเม็กซิโก ถูกฆ่าหั่นแยกชิ้นส่วน ยัดท้ายรถเก๋งจอดทิ้งชายแดน

ช็อก พบ 9 นักศึกษาเม็กซิโกที่หายตัวไป กลายเป็นศพ ถูกฆ่าหั่นแยกชิ้นส่วน ยัดท้ายรถเก๋งจอดทิ้งชายแดน

(4 มี.ค. 68) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุสุดช็อกในประเทศเม็กซิโก หลังจากเจ้าหน้าที่พบศพของนักศึกษา 9 ราย ที่หายตัวไปในช่วงหยุดพักผ่อนในทางตอนใต้ของเม็กซิโก เมื่อเดือนที่แล้ว โดยสภาพศพถูกพบแยกชิ้นส่วนอยู่ข้างทางหลวงในท้องถิ่น โดยมีถุงมือวางอยู่ใกล้ ๆ

สภาพศพสุดสยองนี้ ถูกพบในท้ายรถยนต์ที่จอดทิ้งร้าง และใต้ผ้าใบคลุมที่เปื้อนเลือด ในพื้นที่ San Jose Miahuatlan บนชายแดนของรัฐ Puebla และ Oaxaca ในประเทศเม็กซิโก

รายงานระบุว่า ศพ 4 รายถูกพบบริเวณท้ายรถ ส่วนอีก 5 ศพ อยู่ใต้ผ้าใบกันน้ำ นอกจากนี้ ยังพบถุงมือทั้งหมด 8 คู่ และอีก 2 คู่ในท้ายรถ

 โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมด 9 ราย แบ่งเป็นชาย 5 ราย หญิง 4 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีอายุระหว่าง 19-30 ปี ซึ่งพบบาดแผลการถูกยิงด้วยกระสุนปืน และร่องรอยการทำร้ายร่างกาย

สำหรับเหยื่อนักศึกษากลุ่มนี้ ได้เดินทางมาจากรัฐ Tlaxcala เพื่อไปพักผ่อนที่ชายหาดในรัฐ Oaxaca ก่อนจะถูกแจ้งเป็นบุคคลสูญหาย ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ และในวันที่ 3 มีนาคม มีผู้พบเห็นผู้เสียชีวิตกลุ่มนี้ ทั้งหมด 9 ราย ภายในรถยนต์ Volkswagen Vento สีเทาเข้ม ซึ่งถูกจอดห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตี้ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 241 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการระบุชื่อผู้ต้องสงสัย โดยสำนักงานอัยการสูงสุดของรัฐ Puebla กำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในรัฐ Tlaxcala และ Oaxaca เพื่อติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ ได้ตรวจเช็กข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยบันทึกภาพขณะรถของเหยื่อ ได้ขับไปตามทางหลวง Atlixcayotl ใกล้เมือง Atlixco ซึ่งห่างจากจุดพบศพไปทางตะวันตกประมาณ 144 กิโลเมตร

“ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลการสืบสวนได้ แต่เรากำลังดำเนินการตรวจสอบทุกแนวทาง เมื่อมีความคืบหน้าจะรายงานเพิ่มเติม” อิดามิส พาสเตอร์ เบตันกูร์ต หัวหน้าสำนักงานอัยการสูงสุดของรัฐ Puebla กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2566 ประเทศเม็กซิโก มีประวัติการก่อเหตุคดีฆาตกรรมกว่า 30,000 คดี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปีที่มีความรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด