.jpg)
เลือกแค่หนึ่งพอ! แพทย์เผย 3 สิ่ง ที่ผสมลงในกาแฟ "เผาผลาญไขมัน" ช่วยลดน้ำหนักได้
แพทย์แนะเอง 3 ส่วนผสม ที่เพิ่มลงในกาแฟ "เผาผลาญไขมัน" และช่วยลดน้ำหนักได้!
การลดน้ำหนักเป็นหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจอยู่เสมอ ซึ่งนอกจากจะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุลแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังได้เผยถึงเคล็ดลับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจช่วยได้ อย่างเช่น “การดื่มกาแฟเพื่อเผาผลาญไขมัน"
“โรเบิร์ต เลิฟ” นักประสาทวิทยาที่มักแบ่งปันคำแนะนำด้านสุขภาพทางออนไลน์ และสิ่งหนึ่งคือคำกล่าวอ้างว่า เราสามารถใช้กาแฟตอนเช้าเพื่อ "เร่งการเผาผลาญไขมัน" และช่วยในการลดน้ำหนักได้ เพียงแค่เลือกเพิ่มส่วนผสมอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 อย่างนี้ลงไป!
MCT Oil (Medium Chain Triglycerides Oil)
MCT Oil เป็นอาหารเสริมที่ทำมาจากน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันเมล็ดในปาล์ม ประกอบด้วยไตรกลีเซอไรด์สายกลาง (MCT) ในรูปแบบเข้มข้น ซึ่งเป็นไขมันที่ร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายกว่าและเร็วกว่า จึงอาจช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนัก รู้สึกอิ่ม เร่งการเผาผลาญ และยังช่วยส่งเสริมการเกิดคีโตซิส ซึ่งจะทำให้ควบคุมแคลอรีให้อยู่ในระดับต่ำได้ง่ายขึ้น
โดยทั่วไป ผลิตภัณฑ์ MCT ถือว่าปลอดภัย เว้นแต่คุณจะมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือตับ ในขณะเดียวกันแม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรบริโภคในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น โรเบิร์ต เลิฟ จึงแนะนำให้เติมลงไปในกาแฟถือเป็นวิธีที่ดีในการใช้ประโยชน์จากมัน
"อะคาเซียกัม" (Acacia Gum)
อะคาเซียเป็นใยอาหารชนิดหนึ่งที่ละลายน้ำได้ รับประทานเพื่อช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้ผงอะคาเซียยังช่วยลดความอยากอาหารได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้คนกินมากเกินไป ในบางกรณีอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งจะช่วยลดน้ำหนัก และช่วยให้รักษาระดับพลังงานเอาไว้ได้
โดยทั่วไปแล้วผงอะคาเซียซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “อะคาเซียกัม” หรือกัมอาหรับ ถือว่าปลอดภัยต่อการบริโภค โดยเฉพาะในปริมาณที่มักพบในอาหาร แต่ควรทราบว่ายังมีผู้ที่ใช้บางคนที่พบผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือคลื่นไส้
อบเชย
โรเบิร์ตกล่าวว่า อบเชยซีลอนมีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก รวมถึงมีประโยชน์ต่อความจำ และสุขภาพลำไส้ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญอาหารได้ด้วย เครื่องเทศชนิดนี้ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ลดความอยากอาหาร และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
แม้ว่าอบเชยอาจไม่ถือเป็น "เคล็ดลับวิเศษ" สำหรับการลดน้ำหนัก แต่ก็มีการศึกษาวิจัยบางชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้โดยการเพิ่มการเผาผลาญ
ทั้งนี้ เพื่อรักษาน้ำหนัก ร่างกายต้องใช้แคลอรีเท่ากับปริมาณแคลอรีที่กินและดื่ม โดยเฉลี่ยแล้วผู้ชายต้องบริโภคแคลอรี2,500 แคลอรีต่อวัน ในขณะที่ผู้หญิงต้องบริโภค 2,000 แคลอรีต่อวัน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนอาหารการกินของตนเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ ซึ่งรวมถึงขอคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารเสริมเพิ่มเติมก่อนที่จะเริ่มรับประทาน เนื่องจากต้องแน่ใจว่าสิ่งที่จะบริโภคนั้นเหมาะกับตนเอง และรับประทานในปริมาณที่ถูกต้อง
- อ็อกซ์ฟอร์ดวิจัยพบ เครื่องดื่มช่วย “ขับไล่” มะเร็งลำไส้ มีติดตู้เย็นทุกบ้าน ถูกกว่าชา-กาแฟ
- เลี่ยงได้เลี่ยง! 4 มื้อเช้าที่ “ชวนป่วย” บำรุงเซลล์มะเร็งแบบเงียบๆ หลายคนกินไม่รู้ตัว