เนื้อหาในหมวด ข่าว

3 วิธีใช้ขวดพลาสติกแบบผิดๆ เสี่ยง \

3 วิธีใช้ขวดพลาสติกแบบผิดๆ เสี่ยง "เลี้ยงมะเร็ง" ไม่รู้ตัว อย่างกจนต้องมาเสียใจทีหลัง

3 วิธีใช้ขวดพลาสติกแบบผิดๆ เสี่ยง "เลี้ยงมะเร็ง" ไม่รู้ตัว หลายคนประหยัดผิดที่จนต้องเสียใจภายหลัง

ขวดพลาสติกที่ดื่มหมดแล้วมักถูกนำมาใช้ซ้ำในบ้าน ไม่ว่าจะเก็บของเหลวหรือสิ่งของอื่น ๆ ซึ่งพบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำแร่ น้ำอัดลม นมถั่วเหลือง หรือชาไข่มุก

เนื่องจากหลายคนมีนิสัยประหยัดและต้องการลดขยะพลาสติก จึงมักนำขวดเหล่านี้กลับมาใช้ซ้ำ แม้การรีไซเคิลจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่หากใช้งานผิดวิธี เช่น ล้างซ้ำหลายครั้ง ขัดถูแรง หรือฆ่าเชื้อด้วยน้ำร้อน ก็อาจทำให้ขวดปล่อยสารพิษออกมาโดยไม่รู้ตัว

ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงถึงขั้นนำเชื้อโรค และสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

  • ใช้ขวดพลาสติกชนิด PET เป็นเวลานานเกินไป
    ขวดพลาสติก PET ที่ใช้บรรจุน้ำอัดลม หรือน้ำมันพืช มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ในระยะสั้นเท่านั้น แต่หากใช้ซ้ำเกิน 10 เดือน ขวดเหล่านี้อาจปล่อยสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B ตามการจัดประเภทขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งก็คือสาร Diethylhexyl Phthalate (DEHP) สารให้ความยืดหยุ่นที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก

  • สารนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ มะเร็งหัวใจ มะเร็งปอด มะเร็งไต รวมถึงรบกวนระบบต่อมไร้ท่อและทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ

    สาร DEHP พบได้ที่ไหนบ้าง?

    อย่างที่กล่าวไปแล้ว DEHP คือสารเคมีที่ใช้เพิ่มความยืดหยุ่นในอุตสาหกรรมพลาสติก โดยเราสามารถพบสารกลุ่มพทาเลต (Phthalates) ได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความนิ่มหรือยืดหยุ่น เช่น
    ขวดพลาสติก แผ่นฟิล์มห่ออาหาร ม่านพลาสติก บานประตูพลาสติก ยาทาเล็บ จุกนมปลอม ของเล่นเด็ก และบรรจุภัณฑ์อาหารพลาสติกหลายประเภท

  • ใช้ขวดพลาสติกใส่ของสารพัดในครัว
    คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมขวดใส่น้ำมันพืชหรือขวดใส่น้ำส้มสายชูถึงต่างจากขวดน้ำอัดลมหรือน้ำจิ้ม? ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะตามร้านอาหาร มักเห็นการนำขวดน้ำดื่มพลาสติกกลับมาใช้ใส่น้ำส้มสายชู น้ำมันพืช หรือน้ำซีอิ๊วอยู่บ่อยครั้ง

  • แต่ในความเป็นจริง ขวดแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับของที่บรรจุโดยเฉพาะ ผู้ผลิตจะปรับสูตรพลาสติกให้เหมาะกับการใช้งาน เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากที่สุด หากนำขวดที่ไม่ได้ออกแบบมาใส่สารเหล่านี้ อาจทำให้สารเคมีในพลาสติกละลายปนเปื้อนลงในอาหารได้โดยไม่รู้ตัว

    แล้วสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?

    การนำขวดน้ำอัดลมไปใส่น้ำส้มสายชู หรือใช้ขวดน้ำมันพืชใส่น้ำปลา หรือน้ำสุรา เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้สารเคมีจากพลาสติกปนเปื้อนลงในอาหารและเครื่องปรุงได้ง่าย

    ตัวอย่างเช่น ในกระบวนการผลิตขวดพลาสติกสำหรับน้ำดื่ม อาจมีการใช้สารแอนติมอน (Antimony) ซึ่งสารนี้จะละลายออกมาได้ง่ายขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เช่น น้ำส้มสายชูที่มีค่า pH ต่ำ หากนำน้ำส้มสายชูไปใส่ในขวดน้ำดื่มที่ใช้แล้ว สารแอนติมอนอาจปนเปื้อนลงในของเหลว และเมื่อบริโภคเป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อผิวหนัง หัวใจ ไต ตับ และอวัยวะอื่น ๆ

    อีกตัวอย่างคือ การใช้ขวดพลาสติก PET ใส่น้ำมันพืช ซึ่งไม่ใช่พลาสติกที่ออกแบบมาให้ทนต่อความมันหรือไขมัน ขวดจะเสื่อมสภาพง่าย ปล่อยไมโครพลาสติกและกรดไขมันไม่อิ่มตัวออกมา รวมกับสารเคมีจากตัวขวด กลายเป็นพิษตกค้างในอาหาร ขณะเดียวกัน น้ำมันก็เสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นและเหม็นหืนง่ายอีกด้วย

    หลายคนอาจคิดว่า “ถ้าใช้ขวดพลาสติก PET ใส่ของเหลวแล้วเสี่ยง ก็คงใช้ใส่ของแห้งอย่างธัญพืชหรือถั่วต่าง ๆ ได้สินะ?” ฟังดูเหมือนจะสมเหตุสมผล แต่ในความเป็นจริง ขวดพลาสติก PET ก็ยังมี “อายุการใช้งาน” เช่นกัน

    เมื่อเราใช้ขวดเหล่านี้เก็บของแห้งอย่างข้าวสารหรือถั่ว มักจะเก็บไว้นานหลายเดือนจนลืมไปว่าขวดเองก็มีวันเสื่อมสภาพ หากใช้เกินระยะเวลาที่เหมาะสม ขวดอาจปล่อยสารเคมีปนเปื้อนออกมาได้โดยที่เราไม่รู้ตัว แม้จะไม่ได้ใส่ของเหลว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเสมอไป

  • ใช้ขวดพลาสติก PET ใส่น้ำร้อน
    หลายคนอาจคิดว่าการล้างขวดด้วยน้ำร้อนก่อนใช้งานจะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ แต่ความจริงคือ ขวดพลาสติก PET ไม่ทนความร้อน หากเจอน้ำที่มีอุณหภูมิเกิน 70 องศาเซลเซียส ขวดอาจอ่อนตัวหรือเปลี่ยนรูปได้ง่าย และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ อาจปล่อยสารพิษออกมาเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว

  • หากยังฝืนใช้อย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

    นอกจากนี้ หลายคนมักมีนิสัยวางขวดเครื่องปรุงไว้ใกล้เตาเพื่อหยิบใช้สะดวก แต่พฤติกรรมนี้ก็แฝงความเสี่ยงเช่นกัน เพราะเมื่อขวดพลาสติกสัมผัสความร้อนจากเตาเป็นเวลานาน จะยิ่งเร่งให้สารเคมีอันตรายภายในขวดละลายหรือกระจายตัวออกมาได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจปนเปื้อนลงในอาหารโดยไม่รู้ตัว

    แล้วควรใช้ขวดพลาสติกอย่างไรให้ปลอดภัย?

    หากคุณต้องการนำขวดหรือภาชนะพลาสติกกลับมาใช้ซ้ำ ควรเริ่มจากการสังเกตสัญลักษณ์ที่มักอยู่บริเวณก้นขวดหรือบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่บ่งบอกว่าพลาสติกชนิดนั้นสามารถใช้ซ้ำได้หรือไม่

    โดยทั่วไป หากภาชนะพลาสติกสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ จะมีสัญลักษณ์เฉพาะปรากฏอยู่ เพื่อให้ผู้บริโภครู้ว่าใช้งานได้อย่างปลอดภัย

    สัญลักษณ์ที่มีลูกศรชี้ไปในทิศทางตรงข้ามกัน คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าใช้ซ้ำได้

    หากผลิตภัณฑ์พลาสติกมีสัญลักษณ์เป็นรูปสามเหลี่ยมที่มีลูกศรและอาจมีตัวเลขอยู่ตรงกลางสามเหลี่ยม นั่นคือการแจ้งเตือนถึงประเภทของพลาสติกที่ใช้ทำผลิตภัณฑ์นั้น ๆ โดยทั่วไปจะมีตัวเลขตั้งแต่ "1 ถึง 7" อยู่ภายในสามเหลี่ยม ซึ่งแต่ละหมายเลขแทนประเภทของพลาสติกที่ใช้ในการผลิต

    รายละเอียดคือ:

    • หมายเลข 1 หมายถึง พลาสติก PET ไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำ และออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว
    • หมายเลข 2 หมายถึง พลาสติก HDPE สามารถใช้ซ้ำได้ ใช้เก็บอาหารได้ แต่ต้องล้างให้สะอาดด้วยน้ำร้อนก่อนใช้ เนื่องจากพลาสติกชนิดนี้ทำความสะอาดยากและสะสมแบคทีเรียได้ง่าย
    • หมายเลข 3 หมายถึง พลาสติก PVC มักใช้ในผลิตภัณฑ์เช่น ท่อพลาสติกและวัสดุก่อสร้าง ไม่ควรใช้สำหรับบรรจุอาหาร
    • หมายเลข 4 หมายถึง พลาสติก LDPE ไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากต้องใช้ควรใช้ในระยะสั้น
    • หมายเลข 5 หมายถึง พลาสติก PP ไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำ หากจะใช้ซ้ำต้องทำความสะอาดให้ดี และไม่ควรใช้พลาสติก PP ที่เสื่อมสภาพแล้ว การใช้ซ้ำมีระยะเวลาสั้น
    • หมายเลข 6 หมายถึง พลาสติก PS มักใช้ในผลิตภัณฑ์ใช้ครั้งเดียว ไม่ควรใช้ซ้ำ
    • หมายเลข 7 หมายถึง พลาสติกชนิดอื่น เช่น พลาสติก PC, Tritan และ BPA ซึ่ง BPA ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากสัมผัสบ่อย ๆ ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชนิดนี้ไม่แนะนำให้ใช้กับหญิงตั้งครรภ์, หญิงให้นมบุตร หรือเด็กเล็ก

    สุดท้าย หากต้องใช้ขวดพลาสติก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ขวดพลาสติกที่ใช้แล้วครั้งเดียว และหลีกเลี่ยงขวดที่มีส่วนผสมของ BPA หรือ PC พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้ขวดพลาสติกใส่น้ำร้อนที่อุณหภูมิสูง ควรใช้ถ้วยที่ออกแบบเฉพาะจากสแตนเลส 304/316 หรือแก้วแทน

    เมียคลอดแฝด 4 สามีตกใจหนีหาย แม่ผัวขอขายหลาน 3 คน แต่คำตอบสะใภ้ทำหน้าชา!

    เมียคลอดแฝด 4 สามีตกใจหนีหาย แม่ผัวขอขายหลาน 3 คน แต่คำตอบสะใภ้ทำหน้าชา!

    สาวคลอดลูกชายแฝด 4 แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจจากครอบครัว กลับต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และการเงินอย่างหนักหน่วง

    วิเดียวสะพรึง พนง.ฟาสต์ฟู้ด \

    วิเดียวสะพรึง พนง.ฟาสต์ฟู้ด "ถุยน้ำลาย" ใส่เบอร์เกอร์ก่อนเสิร์ฟ ฟังเหตุผลยิ่งแหวะหนัก!

    แหวะหนัก! พนักงานร้านฟาสต์ฟู้ด ถ่มน้ำลายใส่เบอร์เกอร์ ลูกค้าถ่ายคลิปจับโป๊ะก่อนเสิร์ฟ

    เหนือกว่ากาแฟ! เครื่องดื่มช่วยตื่นตัว ต้านมะเร็ง+ต้านอนุมูลอิสระชั้นดี และไม่ใช่ \

    เหนือกว่ากาแฟ! เครื่องดื่มช่วยตื่นตัว ต้านมะเร็ง+ต้านอนุมูลอิสระชั้นดี และไม่ใช่ "แค่ชาเขียว"

    เครื่องดื่มยามเช้า ที่ดีต่อสุขภาพกว่ากาแฟ เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ แถมช่วยป้องกันมะเร็ง-บำรุงสมอง และไม่ใช่แค่ชาเขียวธรรมดาๆ

    ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้ vs เปิด 24 ชม. แบบไหนประหยัดกว่า? ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า มาตอบเอง

    ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้ vs เปิด 24 ชม. แบบไหนประหยัดกว่า? ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า มาตอบเอง

    หลายคนสงสัย ปิดแอร์ทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน กับเปิดแอร์ตลอด 24 ชั่วโมง แบบไหนประหยัดไฟกว่ากัน? เจ้าของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า มาตอบเอง

    พิธีกรยังอ้าปากค้าง! สาวเผยหน้าจริง ก่อนทุ่ม 10 ล้าน ศัลยกรรมแปลงโฉมเป็นบาร์บี้

    พิธีกรยังอ้าปากค้าง! สาวเผยหน้าจริง ก่อนทุ่ม 10 ล้าน ศัลยกรรมแปลงโฉมเป็นบาร์บี้

    เผยโฉมสาวเดนมาร์ก ก่อนศัลยกรรมทุ่ม 10 ล้านบาทแปลงโฉมเป็นบาร์บี้ เจ้าตัวเผย “ต้องใช้ความกล้าไม่น้อยกว่าจะได้หน้าตาแบบนี้”