.jpg)
งดกาแฟ หันมาดื่ม "แก้วนี้" นักข่าวหนุ่มทึ่งจริงๆ ไม่ใช่แค่ลดคาเฟอีน แต่ได้ผิวดี หุ่นเฟิร์ม!
ชาเขียวเปลี่ยนชีวิต! นักข่าวหนุ่มเผยผลลัพธ์ หลังงดดื่มกาแฟ 30 วัน ไม่ใช่แค่ลดคาเฟอีน แต่ยังได้ผิวดี หุ่นเฟิร์ม สุขภาพดีขึ้นชัดเจน!
คริสโตเฟอร์ เมอกราธ นักข่าวจากสำนักข่าว Liverpool Echo ประเทศอังกฤษ ตัดสินใจเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มกาแฟวันละหลายแก้ว มาเป็นการดื่มชาเขียวตลอดระยะเวลา 1 เดือน
การเปลี่ยนมาดื่มชาเขียวครั้งนี้เริ่มจากความตั้งใจที่จะดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น หลังจากเขามีอาการแน่นท้องและปวดหัวเรื้อรัง ซึ่งเขาเชื่อว่าอาจเกิดจากการบริโภคคาเฟอีนและนมในปริมาณมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อฤดูร้อนใกล้เข้ามา และเขาอยากให้ผิวพรรณของตัวเองดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้จะไม่ใช่คนที่ชอบดื่มชาเป็นทุนเดิม คริสโตเฟอร์ก็เริ่มต้นด้วยชาเขียวแบบธรรมดาจากซูเปอร์มาร์เก็ต โดยดื่มประมาณวันละ 5–6 แก้วในช่วงวันธรรมดา และลดลงในช่วงสุดสัปดาห์ เขาตั้งเวลาเริ่มดื่มตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น และบางวันก็ดื่มอีกหนึ่งแก้วก่อนเข้านอน
ในช่วงแรก ร่างกายของเขาแทบจะเรียกได้ว่าร่ำร้องหากาแฟ และเขารู้สึกว่าชาเขียวไม่สามารถช่วยกระตุ้นความตื่นตัวเหมือนกาแฟ แต่หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เขากลับรู้สึกว่าตื่นขึ้นมาในสภาพร่างกายที่สดชื่นและเบาสบายกว่าเดิม
ในบางโอกาสที่เขายังคิดถึงกาแฟ เขาก็กลับไปดื่มบ้าง แต่กลับพบว่ากาแฟทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย แน่นท้อง และไม่สบายตัว ซึ่งแตกต่างจากตอนที่ดื่มชาเขียวอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้เขาค่อยๆ ลดปริมาณกาแฟลง เหลือแค่วันละหนึ่งแก้ว หรือบางวันก็ไม่ดื่มเลย และเริ่มรู้สึกไม่ค่อยอยากแตะต้องกาแฟอีก
หลังจากผ่านไปครบหนึ่งเดือน คริสโตเฟอร์พบว่าร่างกายของเขามีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน อาการปวดหัวเรื้อรังหายไปใบหน้าดูสดใสขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาที่ดูสว่างขึ้น และอาการแน่นท้องที่เคยเป็นประจำก็บรรเทาลง เขายังรู้สึกว่ารูปร่างของตัวเองดูเพรียวบางลง แม้จะไม่ได้ชั่งน้ำหนักอย่างจริงจัง แต่ก็รู้สึกดีกับรูปลักษณ์ของตัวเองมากขึ้น
จากผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจนี้ คริสโตเฟอร์ตัดสินใจว่าจะดื่มชาเขียวต่อไปในระยะยาว และไม่คิดจะกลับไปหากาแฟอีก และเขายังกล่าวด้วยว่า ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะเปลี่ยนไปดื่มเครื่องดื่มร้อนชนิดอื่นๆ แทนชาเขียวได้อีก
ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มโพลีฟีนอล โดยเฉพาะ catechin ซึ่งช่วยลดการอักเสบและป้องกันความเสียหายของเซลล์ หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นคือ EGCG (Epigallocatechin-3-gallate) ซึ่งมีงานวิจัยจากสหรัฐอเมริการะบุว่าสารนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน เสริมสมาธิ กระตุ้นระบบเผาผลาญ และส่งเสริมสุขภาพลำไส้ได้อีกด้วย