เนื้อหาในหมวด ข่าว

ทิ้งดีกว่ากิน! น้ำมันพืช 3 แบบ เสี่ยงสารก่อมะเร็ง เข้าครัวควรเลิกใช้ ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยง

ทิ้งดีกว่ากิน! น้ำมันพืช 3 แบบ เสี่ยงสารก่อมะเร็ง เข้าครัวควรเลิกใช้ ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยง

เตือนภัยสุขภาพ น้ำมันพืช 3 ประเภท ที่เสี่ยงสารก่อมะเร็ง ผลิตเอง-เปิดมานาน-ใช้งานซ้ำๆ ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงทั้งหมด! 

รู้หรือไม่ว่า.... ไม่ใช่น้ำมันพืชทุกชนิดจะปลอดภัยต่อสุขภาพ แม้จะผ่านการปรุงสุกแล้วก็ตาม ปัจจุบันบางประเภทยังคงมีรายงานการตรวจพบสารพิษเกินมาตรฐาน สารก่อมะเร็งที่สะสมในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงได้หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยเฉพาะน้ำมันที่มาจากแหล่งผลิตไม่ได้มาตรฐาน หรือผ่านการใช้ซ้ำหลายครั้ง เช่น น้ำมันงาแบบสกัดเย็นที่มีสาร benzo(a)pyrene สูงเกินมาตรฐานถึง 4 เท่า หรือน้ำมันถั่วลิสงบางล็อตมีสาร aflatoxin B1 ซึ่งเป็นสารพิษจากเชื้อรา เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ

ต้นตอของปัญหามักเกิดจากวัตถุดิบที่เก็บรักษาไม่ดี เช่น ถั่วลิสงหรือเมล็ดงาที่ขึ้นรา หรือกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้เกิดสารอันตรายสะสมในผลิตภัณฑ์โดยไม่รู้ตัว ซึ่งตามรายงานของเว็บไซต์ Thepaper.cn ได้ย้ำเตือนผ่านบทความ ดังนี้

2 น้ำมันที่ยังเป็นประเด็นถกเถียง ดีน้อยหรือดีมาก?

  • น้ำมันถั่วเหลือง
    แม้จะเป็นที่นิยมในหลายครัวเรือน แต่น้ำมันถั่วเหลืองก็เคยถูกวิจารณ์เรื่อง ไขมันทรานส์ (trans fat) ซึ่งหากสะสมมากอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม หากใช้ในปริมาณพอเหมาะและ ไม่ปล่อยให้เดือดจนเกิดควัน ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
  • น้ำมันหมู
    เป็นวัตถุดิบยอดนิยมในอาหารไทยแบบดั้งเดิม ให้รสชาติอร่อยและมีกลิ่นหอม แต่ก็ควรบริโภคอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมี ไขมันอิ่มตัวสูง หากบริโภคมากเกินไปอาจเพิ่มคอเลสเตอรอลและกระทบต่อหัวใจได้ แต่หากใช้ในปริมาณพอเหมาะ และไม่ใช้น้ำมันเดิมซ้ำๆ ก็ยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้
  • 3 ประเภทน้ำมันพืชที่ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดให้มากที่สุด

  • น้ำมันที่เปิดใช้เกิน 3 เดือน 
    จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน แม้จะเก็บไว้ในที่มิดชิดก็ตาม โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบไทย ซึ่งอาจเกิดสารอันตรายอย่าง peroxide และ aldehyde ที่ส่งผลเสียต่อระบบทางเดินอาหาร ตับ และไต
  • น้ำมันที่ผ่านการทอดซ้ำหลายครั้ง
    จะทำให้โครงสร้างไขมันในน้ำมันเปลี่ยนแปลง เกิดสารพิษหลายชนิด เช่น acrylamide, benzopyrene, hydroperoxide ซึ่งล้วนเป็น สารก่อมะเร็ง หากสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะน้ำมันที่มีสีคล้ำ มีกลิ่นเหม็นหืน ไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำเกิน 1–2 ครั้ง
  • น้ำมันแฮนด์เมดไร้ฉลากจากแหล่งผลิตไม่ปลอดภัย
    แม้จะฟังดู “ธรรมชาติ” และ “ไม่มีสารกันเสีย” แต่น้ำมันพืชที่ผลิตจากแหล่งเล็กๆ แบบแฮนด์เมดโดยไม่มีฉลากหรือการควบคุมคุณภาพ มักเสี่ยงต่อการปนเปื้อน aflatoxin B1 สูงมาก รวมถึงไม่มีการควบคุมอุณหภูมิและสุขอนามัยระหว่างการผลิต จึงเป็น สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ
  • วิธีการใช้น้ำมันอย่างไรให้ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการแนะนำว่า

    • ควรสลับใช้น้ำมันหลายชนิด เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน เพื่อให้ได้รับกรดไขมันหลากหลาย
    • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสูงเกินไป เพราะจะทำให้น้ำมันแตกตัวและเกิดสารพิษ
    • เก็บน้ำมันไว้ใน ภาชนะทึบแสง และใช้ให้หมดภายใน 30–60 วันหลังเปิดขวด
    • ควรจำกัดปริมาณการใช้น้ำมันไม่เกิน 25–30 กรัมต่อวัน 

    ท้ายที่สุดแม้น้ำมันพืชจะเป็นวัตถุดิบจำเป็นในทุกครัวเรือน แต่การเลือกใช้อย่างรู้เท่าทันและมีสติ คือกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพระยะยาว หลีกเลี่ยง 3 ประเภทน้ำมันที่มีความเสี่ยงสูง และหันมาใช้น้ำมันคุณภาพดีอย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงโรคร้าย และยืดอายุของคุณและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน

    ถึงบ้านจะคับแคบแค่ไหน ก็อย่าวาง 3 สิ่งนี้ไว้ใกล้เตาในครัว แต่คนไทยทำทุกอย่าง

    ถึงบ้านจะคับแคบแค่ไหน ก็อย่าวาง 3 สิ่งนี้ไว้ใกล้เตาในครัว แต่คนไทยทำทุกอย่าง

    ถึงบ้านจะคับแคบแค่ไหน ก็อย่าวาง 3 สิ่งนี้ไว้ใกล้เตาในครัวเด็ดขาด เสี่ยงไฟไหม้และเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

    \

    "น้ำมันพืช" มีกี่ชนิด ต่างกันยังไง อ่านให้ดี เพราะถ้าใช้น้ำมันผิดประเภท "มะเร็ง" ถามหา

    น้ำมันพืชมีกี่ชนิด แต่ละชนิดเหมาะกับการปรุงอาหารแบบไหน และหากใช้น้ำมันผิดประเภท เสี่ยงมะเร็งอย่างไร?

    งานวิจัยจากฮาร์วาร์ดเผย ลดกิน \

    งานวิจัยจากฮาร์วาร์ดเผย ลดกิน "สิ่งนี้" อาจช่วยลดความเสี่ยงเสียชีวิตได้ถึง 17%

    งานวิจัยฮาร์วาร์ด เผย การใช้น้ำมันพืชแทนเนยจากสัตว์ ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งและโรคหัวใจ แต่ยังอาจยืดอายุขัยได้ด้วย