เนื้อหาในหมวด ข่าว

แม่เครียด ลูกไปเรียน 3 เดือน \

แม่เครียด ลูกไปเรียน 3 เดือน "ร้องไห้ไม่หยุด" ย้าย รร.ถึงรู้ปัญหาไม่ใช่ครู แต่อยู่ในบ้าน!!!

ลูกชาย 3 ขวบ "ร้องไห้ไม่หยุด" ตลอด 3 เดือนแรกของการเรียน แม่พาปลี่ยนโรงเรียนถึงพบสาเหตุแท้จริง ไม่ใช่คุณครู แต่มาจาก "การเลี้ยงดูแบบปิด"

เรื่องราวนี้ถูกแชร์ในแพลตฟอร์มต่างประเทศ โดยผู้ใช้นามแฝง “minhan...” ซึ่งเผยถึงประสบการณ์ตรงในฐานะแม่ของเด็กชายวัย 3 ขวบที่เพิ่งเริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาล แต่กลับมีปัญหาด้านการปรับตัวอย่างหนัก ลูกชายของเธอร้องไห้ทุกเช้าและเย็น แม้แต่ในห้องเรียนก็ไม่ร่วมกิจกรรม ไม่เล่นกับเพื่อน และแสดงอาการหวาดกลัวเมื่อมีใครเข้าใกล้

“คุณครูบอกว่าเด็กทั่วไปจะร้องไห้ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก หรืออย่างมากก็ 1 เดือน แต่ลูกชายฉันผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้วก็ยังไม่หยุดร้องเลย”  เธอเล่า

คุณแม่เฝ้าดูผ่านกล้องวงจรปิดในห้องเรียน และพบว่าครูไม่ได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งยังพยายามช่วยปรับพฤติกรรม แต่ทั้งหมดก็ไม่เป็นผล เมื่อลูกชายของเธอยังดูเก็บตัว ไม่ยอมเข้าสังคม ไม่เล่นกับเพื่อน และแทบไม่ร่วมกิจกรรมใดๆ ยกเว้นตอนรับประทานอาหารและนอนกลางวัน

หลังจากผ่านมานานถึง 3 เดือน ใช้ความพยายามหลายวิธีแต่ไม่เป็นผล ครูประจำชั้นแนะนำให้ผู้ปกครองลองเปลี่ยนโรงเรียนเพื่อสังเกตพฤติกรรม ซึ่งเมื่อย้ายไปโรงเรียนใหม่ เด็กชายกลับปรับตัวได้ดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะเมื่อมี “เพื่อนบ้าน” ที่เขาคุ้นเคยเรียนอยู่ในห้องเดียวกัน

“ลูกชายฉันเล่นกับเพื่อนคนนี้ได้อย่างสบายใจ เป็นคนเดียวที่เข้าใกล้แล้วลูกไม่ร้องไห้ ฉันจึงเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า จริง ๆ แล้วปัญหาอยู่ที่ไหนกันแน่” 

การเปลี่ยนโรงเรียน นำมาซึ่งการพบ “จิ๊กซอว์ที่หายไป” ต้นเหตุที่ไม่คาดคิดคือการ “เลี้ยงแบบปิด” โดยคนในครอบครัว คำตอบค่อยๆ ปรากฏขึ้นเมื่อย้อนกลับไปพิจารณาวิธีการเลี้ยงดูของคุณย่า เป็นผู้ดูแลหลักตั้งแต่หลานชายเกิดจนอายุครบ 3 ปี 

“ฉันเริ่มรู้สึกผิดที่ปล่อยให้แม่สามีตัดสินใจเรื่องการเลี้ยงดูลูกคนเดียวมาตลอด”  คุณแม่กล่าว

คุณย่าซึ่งเป็นผู้เกษียณอายุ และมีเวลาว่างเต็มที่ ดูแลหลานด้วยความรักและความระมัดระวังเกินขนาด เช่น หลีกเลี่ยงการพาเด็กออกจากบ้านเพราะกลัวฝุ่นและเชื้อโรค ไม่ให้เล่นกับเด็กคนอื่นนอกจาก “เพื่อนบ้านคนสนิท” และเชื่อว่าเด็กก่อน 3 ปีไม่จำเป็นต้องเข้าสังคมหรือไปโรงเรียน เด็กชายจึงเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่จำกัด ไม่มีโอกาสเรียนรู้ทักษะทางสังคม และไม่ชินกับการเผชิญหน้ากับโลกภายนอก

มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ: เด็กต้องการโลกกว้างเพื่อเติบโต

Dr. Shafali Sabari นักจิตวิทยาเด็ก ให้คำแนะนำว่า “เด็กทุกคนมีตัวตนเฉพาะของตัวเอง หน้าที่ของพ่อแม่คือสนับสนุนให้ตัวตนนั้นเติบโตบนพื้นฐานของความเข้าใจและประสบการณ์ชีวิต”

การเปิดโอกาสให้เด็กได้ออกไปเล่น เรียนรู้จากสิ่งรอบตัว ไม่เพียงกระตุ้นพัฒนาการสมอง แต่ยังช่วยฝึกทักษะทางสังคม การแก้ปัญหา และการเข้าใจตนเอง ซึ่งประโยชน์ของการให้เด็กออกไปสัมผัสโลกภายนอกมีมากมาย เช่น

  • กระตุ้นสมองและจินตนาการ: สภาพแวดล้อมภายนอกเต็มไปด้วยสิ่งไม่คาดคิด ซึ่งช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองของเด็กได้ดีกว่าการอยู่แต่ในบ้าน

  • เรียนรู้การเข้าสังคม: เด็กที่มีโอกาสพบเจอคนแปลกหน้าบ่อย ๆ จะค่อย ๆ พัฒนาทักษะการสื่อสารและสร้างความมั่นใจในตัวเอง

  • เข้าใจชีวิตจริง: การได้เห็นโลกภายนอกช่วยให้เด็กเข้าใจถึงความหลากหลายและเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น

  • อย่างไรก็ตาม การอยู่บ้านก็มีข้อดีเช่นกัน เช่น การมีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น หรือฝึกสมาธิและการคิดวิเคราะห์ผ่านกิจกรรมเงียบๆ “ไม่ว่าจะเลือกให้ลูกอยู่บ้านหรือออกไปเล่น สิ่งสำคัญที่สุดคือความสมดุล และการเข้าใจความต้องการของลูกในแต่ละช่วงวัย” 

    เรื่องราวของคุณแม่คนนี้สะท้อนว่า แม้จะเลี้ยงดูด้วยความรักและหวังดี แต่การเลี้ยงดูแบบปิดอาจส่งผลต่อพัฒนาการระยะยาว หากจำกัดโลกของเด็กไว้แค่ภายในบ้าน ก็อาจทำให้เด็กขาดทักษะสำคัญสำหรับการเติบโต เช่น ความกล้าเผชิญโลก การเข้าสังคม และการจัดการอารมณ์ สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำคือ เปิดโอกาสให้ลูกได้สัมผัสโลกอย่างเหมาะสม และค่อยๆ ปรับให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทั้งในบ้านและนอกบ้าน

    ใครได้กินเนื้อ? แม่ผัวต้มแค่ \

    ใครได้กินเนื้อ? แม่ผัวต้มแค่ "เปลือกกุ้ง" ให้หลานสาว 1 ขวบกิน เหตุผลสะเทือนใจสะใภ้

    สะใภ้เอะใจ แม่ผัวต้ม "เปลือกกุ้ง" ให้หลาน 1 ขวบกิน อ้างได้แคลเซียม รู้เนื้อกุ้งไปไหนยิ่งเคือง!

    ไวรัลจากห้อง \

    ไวรัลจากห้อง "ประชุมผู้ปกครอง" ครูเขียนข้อความเล็กๆ มุมกระดานดำ แทนใจเด็กทุกบ้าน!!!

    "ข้อความจากกระดานดำ" ที่ทำให้ทั้งครู นักเรียน และผู้ปกครองต้องหยุดคิด เด็กหลายคนฝันอยากให้พ่อแม่เข้าใจแบบนี้

    เด็กอนุบาลเกือบตาย! แม่บีบ \

    เด็กอนุบาลเกือบตาย! แม่บีบ "รูใกล้หูลูก" ที่ย่าเชื่อเป็นลางดี ช็อกต้องผ่าตัดด่วน หมอชี้คืออะไร?

    แม่พบรูที่ลึกผิดปกติใกล้ๆ หูของลูกน้อย จึงเกิดความอยากรู้และพยายามบีบมัน ช็อก ต้องส่งให้หมอผ่าตัดช่วยชีวิตทันที!