เนื้อหาในหมวด ข่าว

หลายคนไม่รู้! ใช้มือถือใน 4 ช่วงเวลานี้ เหมือน \

หลายคนไม่รู้! ใช้มือถือใน 4 ช่วงเวลานี้ เหมือน "เปิดประตู" ให้สารพัดโรคบุกเข้าร่าง

มีแต่คนที่ไม่รู้เท่าทันเท่านั้นที่ใช้โทรศัพท์มือถือใน 4 ช่วงเวลานี้ เพราะนั่นไม่ต่างอะไรกับ “เปิดประตูทิ้งไว้” ให้โรคภัยเข้ามาเยือนเต็ม ๆ

ทุกวันนี้ โทรศัพท์มือถือไม่ได้ใช้แค่เพื่อติดต่อสื่อสาร แต่ยังกลายเป็นเครื่องมือทำงาน ความบันเทิง และการเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม การ “ติดมือถือ” ตลอดเวลา กลับเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะใน 4 ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ หากไม่อยากให้โรคภัยตามมาเป็นพรวน

  • ระหว่างรับประทานอาหาร
  • หลายคน โดยเฉพาะวัยรุ่น มักชอบเล่นโทรศัพท์ขณะกินข้าว ไม่ว่าจะดูวิดีโอ ตอบแชต หรือทำงาน แต่นั่นทำให้คุณเผลอรับเชื้อโรคนับล้านจากหน้าจอและนิ้วมือเข้าสู่ร่างกายผ่านอาหารที่คุณกำลังกิน เพราะโทรศัพท์เป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียชั้นดี

    นอกจากเสี่ยงติดเชื้อจากแบคทีเรียแล้ว การจดจ่อกับโทรศัพท์ขณะกินข้าวยังทำให้คุณกินมากเกินความจำเป็น เพราะไม่ได้ใส่ใจว่าร่างกายอิ่มหรือยัง ส่งผลให้น้ำหนักขึ้น และอาจเกิดภาวะผิดปกติในการเผาผลาญ อีกทั้งยังมีแนวโน้มอยากกินจุบจิบหลังมื้ออาหาร เพราะไม่รู้ตัวว่ากินไปมากแค่ไหนแล้ว

    การขาดสมาธิระหว่างมื้ออาหารยังส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร เพราะคุณจะเคี้ยวไม่ละเอียด ทำให้กระเพาะต้องทำงานหนักขึ้น การหลั่งกรดและเอนไซม์ย่อยอาหารก็ลดลง ส่งผลให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด และหากเป็นต่อเนื่องนานๆ อาจกระทบต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารในระยะยาว

  • ก่อนเข้านอน

  • การใช้โทรศัพท์ก่อนนอนไม่เพียงแค่รบกวนการนอนหลับ แต่ยังทำร้ายผิวพรรณและสายตาอีกด้วย แสงสีฟ้าจากหน้าจอสามารถทำให้ผิวแห้ง หมองคล้ำ แก่เร็ว และเกิดสิวได้ง่ายจากการสัมผัสเชื้อโรคบนโทรศัพท์

    สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ แสงสีฟ้ายังไปขัดขวางการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมวงจรการนอน ส่งผลให้หลับยาก หลับไม่สนิท หรือแม้จะนอนครบชั่วโมงแต่ตื่นมาก็ยังรู้สึกอ่อนเพลีย งานวิจัยจากห้องสมุดแพทยศาสตร์แห่งชาติสหรัฐฯ ยังระบุว่า หากพฤติกรรมนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ อาจนำไปสู่ปัญหานอนไม่หลับ ความจำเสื่อม เสี่ยงซึมเศร้า และโรคเกี่ยวกับระบบประสาท

    ยิ่งไปกว่านั้น การใช้โทรศัพท์ในความมืดหรือนอนตะแคงเล่นหน้าจอ จะทำให้ดวงตาต้องเพ่งมากเกินไป จนนำไปสู่อาการปวดตา สายตาเสื่อม เสี่ยงต่อภาวะต้อหิน และในกรณีรุนแรงอาจถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นได้

  • ขณะชาร์จแบตโทรศัพท์

  • การใช้โทรศัพท์ขณะชาร์จแบตเป็นพฤติกรรมที่แฝงความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะเมื่อใช้สายชาร์จหรืออุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะในช่วงที่เครื่องกำลังชาร์จ ไฟฟ้าจะไหลเข้าตัวเครื่องพร้อมกับที่แอปพลิเคชันต่างๆ ยังคงทำงาน ส่งผลให้ตัวเครื่องร้อนเร็วและอาจเกิดการระเบิดได้ง่าย

    แม้จะใช้อุปกรณ์ชาร์จที่มีคุณภาพ ความเสี่ยงก็ยังคงมีอยู่ เนื่องจากภายในหัวชาร์จมีเพียงฉนวนบางๆ ที่ป้องกันไฟฟ้า หากมีรอยถลอกหรือจับต้องบริเวณที่ฉนวนหลุดลอก อาจเกิดไฟดูดและอันตรายถึงชีวิต

    พฤติกรรมนี้ยังส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทำให้เสื่อมเร็ว โดยเฉพาะการเล่นเกมหรือใช้แอปที่ใช้พลังงานสูงขณะชาร์จ จะยิ่งเพิ่มภาระให้กับตัวเครื่อง จนเสี่ยงต่อการร้อนเกินและเสียหายถาวร

  • ขณะเข้าห้องน้ำ

  • การใช้โทรศัพท์ขณะเข้าห้องน้ำอาจดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่จริงๆ แล้วเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี งานวิจัยหลายฉบับพบว่า พื้นผิวของโทรศัพท์มือถือมีเชื้อโรคมากกว่าฝารองนั่งในห้องน้ำเสียอีก โดยเฉพาะเชื้อ E. coli ที่สามารถเกาะติดบนโทรศัพท์และแพร่เข้าสู่ร่างกายผ่านมือที่สัมผัส นำไปสู่ปัญหาท้องเสีย อาหารเป็นพิษ หรือการติดเชื้อรุนแรงได้โดยไม่รู้ตัว

    ยังไม่นับผลเสียอีกข้อ คือการใช้โทรศัพท์ในห้องน้ำมักทำให้เรานั่งอยู่บนโถส้วมนานเกินไป ซึ่งท่านั่งลักษณะนี้จะเพิ่มแรงกดบริเวณช่องท้องส่วนล่างและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หากทำเป็นประจำ อาจนำไปสู่โรคริดสีดวงทวาร ลำไส้หย่อน กระเพาะปัสสาวะอ่อนแอ หรือภาวะผิดปกติของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานได้ในระยะยาว

    นอกจากนี้ การพึ่งพาโทรศัพท์มากเกินไปในขณะเข้าห้องน้ำยังส่งผลต่อระบบประสาท เช่น ทำให้รู้สึกถ่ายไม่ออกหากไม่ได้ใช้โทรศัพท์ และค่อยๆ สร้างพฤติกรรมติดโทรศัพท์ ส่งผลให้การตัดสินใจหรือการเผชิญกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวันอ่อนแอลงโดยไม่รู้ตัว

    ห้องมืดๆ สาวนอนเล่นมือถือ เหลือบเห็น \

    ห้องมืดๆ สาวนอนเล่นมือถือ เหลือบเห็น "แขกไม่ได้รับเชิญ" กรี๊ดลั่นเผ่นหนี ปลุกสามีมาไล่!!!

    ห้องมืดๆ สาวนอนเล่นมือถือ เหลือบเห็น "แขกไม่ได้รับเชิญ" สะดุ้งสุดตัว รีบปลุกสามีมาไล่!!!

    เล่นโทรศัพท์มือถือ ตอนนอนหรือตอนปิดไฟ แบบไหนทำร้ายดวงตา \

    เล่นโทรศัพท์มือถือ ตอนนอนหรือตอนปิดไฟ แบบไหนทำร้ายดวงตา "มากกว่า" กัน?

    การส่งข้อความบนโทรศัพท์ขณะนอนราบและการส่งข้อความบนโทรศัพท์ในที่มืดเป็นนิสัยของใครหลายคน แม้จะสะดวกสบายแต่ก็เป็นอันตรายต่อดวงตา

    แม่นกว่าหมอดู?! จิตวิทยาพฤติกรรม \

    แม่นกว่าหมอดู?! จิตวิทยาพฤติกรรม "ท่าจับมือถือ" ใช้นิ้วไหนไถจอ ล้วงถึงตัวตนที่ซ่อนลึก!

    ไม่ใช่ศาสตร์ดูดวงหรือโหราศาสตร์ และไม่ถึงขั้นวิทยาศาสตร์เต็มรูปแบบ แต่นี่คือการวิเคราะห์ในแนว “จิตวิทยาพฤติกรรม” เป็นการสังเกตพฤติกรรมที่สะท้อนบุคลิกภาพได้ในระดับหนึ่ง