"10 ความเชื่อผิดๆ" เกี่ยวกับ "การแปรงฟัน" ที่คนส่วนใหญ่ยังทำอยู่
หลายคนคิดว่าการแปรงฟันเป็นเรื่องง่ายๆ แค่แปรงเช้า–เย็นก็เพียงพอ
แต่ในความเป็นจริง ยังมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการแปรงฟันที่หลายคนทำอยู่โดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้สุขภาพช่องปากแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น
มาดูกันว่ามีความเข้าใจผิดอะไรบ้างที่เราควรเลิกทำตั้งแต่วันนี้

คนทั่วไปมักคิดว่าการกดแรงๆ จะขจัดคราบได้ดีกว่า แต่ความจริงคือแรงเกินไปจะทำให้เหงือกร่นและเคลือบฟันสึก ควรใช้การแปรงแบบวงกลมเบาๆ และขนแปรงนุ่มถึงปานกลาง
การแปรงเกิน 2–3 นาทีต่อครั้งอาจทำให้ผิวฟันสึก แนะนำให้แปรงอย่างมีเทคนิค 2 นาที และใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับฟันเหลืองร่วมด้วย เช่น ยาสีฟันที่มีสารขัดที่อ่อนโยนหรือปรึกษาทันตแพทย์
การแปรงวันละครั้งไม่เพียงพอ แพทย์แนะนำให้แปรงอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะก่อนนอนเพื่อลดแบคทีเรียที่สะสมขณะนอนหลับ
ฟองที่เยอะมาจากสารเพิ่มฟอง ไม่ได้หมายความว่ายาสีฟันมีประสิทธิภาพมากกว่า ให้ดูที่ส่วนผสมสำคัญอย่างฟลูออไรด์และสารช่วยลดคราบแทน
แปรงสีฟันเข้าถึงซอกฟันไม่หมด การไม่ใช้ไหมขัดฟันทำให้คราบอาหารและแบคทีเรียคั่งค้าง เสี่ยงฟันผุและโรคเหงือก ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันอย่างน้อยวันละครั้ง
หลังทานอาหารที่มีกรด (เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว น้ำอัดลม) ควรรอ 20–30 นาทีก่อนแปรง เพื่อให้เคลือบฟันกลับสู่สมดุล หากแปรงทันทีอาจเร่งให้ผิวฟันสึก
ควรเปลี่ยนแปรงทุก 3 เดือนหรือเมื่อขนแปรงบาน เพราะขนแปรงที่เสียจะทำความสะอาดได้ไม่ดี และเป็นที่สะสมของเชื้อโรค
ฟันน้ำนมมีบทบาทในการเคี้ยวและนิยามช่องว่างสำหรับฟันแท้ การดูแลตั้งแต่เด็กช่วยป้องกันปัญหาในระยะยาว ควรฝึกให้เด็กแปรงฟันอย่างถูกต้องและพาไปพบทันตแพทย์ตามนัด
ยาสีฟันแต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมต่างกัน เช่น ปริมาณฟลูออไรด์หรือสารลดการเสียวฟัน เลือกยาสีฟันให้ตรงกับปัญหาที่ต้องการ เช่น ป้องกันฟันผุ, ลดการเสียวฟัน หรือฟอกคราบ
การบ้วนน้ำแรงหรือบ้วนน้ำจนหมดหลังแปรงจะชะล้างฟลูออไรด์ที่เป็นประโยชน์ออกไป แนะนำให้บ้วนน้ำเล็กน้อยหรือบ้วนเฉพาะเศษอาหาร เพื่อให้ฟลูออไรด์เคลือบฟันได้นานขึ้น
เทคนิคสั้นๆ ที่ทำได้ทันที
- แปรงด้วยขนแปรงนุ่ม–ปานกลาง 2 นาที เช้า-ก่อนนอน
- ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันวันละครั้ง
- รอ 20–30 นาทีหลังทานของมีกรดก่อนแปรง
- เปลี่ยนแปรงทุก 3 เดือน
- บ้วนน้ำเล็กน้อย เพื่อให้ฟลูออไรด์ทำงานต่อ
หากมีปัญหาเฉพาะ เช่น เหงือกอักเสบ, ฟันไวต่อความเย็น หรือคราบฝังลึก ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
