เช็กข่าวชัวร์ : "แปรงฟันแห้ง" ไม่ต้องบ้วนน้ำ ป้องกันฟันผุดีกว่า "แปรงฟันเปียก" จริงไหม?
แปรงฟันเสร็จ ไม่ควรบ้วนน้ำ ชะล้างฟลูออไรด์ ทำประสิทธิภาพยาสีฟันลด จริงหรือ?
ในโลกออนไลน์และแวดวงคนรักสุขภาพ มีการถกเถียงและส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า "แปรงฟันเสร็จห้ามบ้วนน้ำ" เพื่อให้ฟลูออไรด์เคลือบฟัน และช่วยป้องกันฟันผุ ซึ่งแนวคิดนี้สวนทางกับความคุ้นเคยของคนส่วนใหญ่ ที่มักจะบ้วนน้ำล้างฟองยาสีฟันออกจนหมดหลังแปรงฟันเสร็จ
เพื่อคลายข้อสงสัยดังกล่าว กองบรรณาธิการ Sanook News ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ เพื่อสรุปแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักทันตสาธารณสุข
คำถาม
ข้อสงสัยที่ว่า การแปรงฟันเสร็จแล้วไม่ควรบ้วนน้ำตาม แต่ควรปล่อยให้ยาสีฟันเคลือบฟันไว้ ที่เรียกกันว่า "แปรงฟันแห้ง" เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันฟันผุ นั้นเป็นความจริงหรือไม่?การตรวจสอบ
จากการตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานด้านทันตสาธารณสุขและสถาบันทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือหลายแห่ง พบว่าคำแนะนำดังกล่าวเป็นแนวทางที่ทันตแพทย์ในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย แนะนำมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
หลักการนี้เรียกว่า "การแปรงฟันแบบแห้ง" (Dry Brushing) หรือบ้วนฟองทิ้ง แต่ไม่บ้วนน้ำตาม โดยมีเหตุผลสำคัญคือ เพื่อคงความเข้มข้นของ "ฟลูออไรด์" (Fluoride) ซึ่งเป็นสารสำคัญในยาสีฟันที่ช่วยป้องกันฟันผุ ไว้บนผิวฟันให้ได้นานที่สุด
ข้อมูลจากกรมอนามัยและสถาบันทันตกรรมหลายแห่งระบุตรงกันว่า การบ้วนน้ำหลังแปรงฟันทันที โดยเฉพาะการบ้วนน้ำหลายๆ ครั้ง จะเป็นการชะล้างฟลูออไรด์ที่เคลือบอยู่บนผิวฟันออกไปเกือบหมด ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันฟันผุลดลงอย่างมาก มีการเปรียบเทียบว่า การบ้วนน้ำเพียง 1 ครั้ง อาจทำให้ฟลูออไรด์ลดลงครึ่งหนึ่ง และหากบ้วน 2 ครั้ง ฟลูออไรด์อาจเหลืออยู่เพียง 1 ใน 4 เท่านั้น
ดังนั้น คำแนะนำที่ถูกต้องตามหลักทันตกรรมในปัจจุบันคือ ก่อนแปลงให้ใช้ไหมขัดฟันขจัดเศษอาหารก่อน จากนั้นแปรงฟันด้วยยาสีฟันปกติ นาน 2 นาที และให้ "บ้วนฟองยาสีฟันและน้ำลายทิ้ง" โดย "ไม่ต้องบ้วนน้ำตาม" หรือหากรู้สึกไม่คุ้นเคย อาจบ้วนน้ำเพียงเล็กน้อย (แค่ 1 อึก) และบ้วนทิ้งเพียงครั้งเดียว
นอกจากนี้ เพื่อให้ฟลูออไรด์มีเวลาทำงานและเคลือบผิวฟันได้อย่างเต็มที่ ควรงดการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารหลังแปรงฟันอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ฟลูออไรด์ทำงานได้เต็มที่