มีอยู่ทุกครัว! เครื่องเทศที่เป็น "ศัตรูตัวฉกาจ" ของเซลล์มะเร็ง ลดไขมัน-ความดันได้ดีเยี่ยม
เครื่องเทศที่เป็น “ศัตรูตัวฉกาจ” ของเซลล์มะเร็ง ช่วยลดไขมันในเลือดและความดันโลหิตได้อย่างดีเยี่ยม
เครื่องเทศชนิดหนึ่งที่อยู่ในครัวแทบทุกบ้าน ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร แต่ยังอุดมไปด้วยสารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ มีงานวิจัยชี้ว่าอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง รักษาความดันโลหิต และลดไขมันในเลือดได้
“ตัวเลือก” ที่น่าสนใจในการป้องกันมะเร็ง
เครื่องเทศที่ว่านี้คือ "กระเทียม" ซึ่งเป็นวัตถุดิบพื้นฐานในครัวหลายแห่ง งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า การรับประทานกระเทียมเป็นประจำอาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่
จากข้อมูลของภาควิชาโภชนาการทางคลินิก มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาล แสดงให้เห็นว่ากระเทียมมีสารพฤกษเคมีหลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ (flavonoid), อินูลิน (inulin), ซาโปลิน (saponin), S‑allyl cysteine เป็นต้น ซึ่งในแล็บมีการศึกษาว่าสารเหล่านี้มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง โดยเฉพาะต่อเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่
รายงานวิเคราะห์ของสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (AICR) ระบุว่า การรับประทานกระเทียมเป็นประจำอาจช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยกลไกที่เป็นไปได้คือ การช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอ ชะลอการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และลดภาวะการอักเสบ
- เตือนแล้วนะ! ชา 4 ชนิด “ทำลายไต” แบบเงียบๆ สุขภาพดีแค่ไหนก็รับไม่ไหว
 - เซอร์ไพรส์! แพทย์ญี่ปุ่นโหวต "ราชาสุขภาพ" อันดับ 1 ราคาไม่แพง แต่มาแรงแซงบล็อกโคลี-อะโวคาโด!!!
 
ประโยชน์อื่นๆ ของกระเทียม
นอกจากศักยภาพในการป้องกันมะเร็งแล้ว กระเทียมยังได้รับการศึกษาในบทบาทด้านสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยแพทย์ระบุว่าในกระเทียมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต เสริมภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด
แพทย์ชี้ว่า หากใช้กระเทียมให้ถูกวิธี จะช่วยให้สารต่างๆ ได้ทำงานได้เต็มที่ เช่น การทุบให้แตกหรือหั่นเป็นชิ้นเล็กแล้ววางทิ้งไว้ 10–15 นาที ก่อนปรุงอาหาร จะช่วยให้เอนไซม์ในกระเทียมทำงานและเปลี่ยนเป็นสารที่มีประโยชน์มากขึ้น บางคนอาจเลือกแช่กระเทียมในน้ำส้มสายชูเพื่อเพิ่มประโยชน์โดยเฉพาะต่อสุขภาพหัวใจ
ข้อควรระวังเมื่อใช้กระเทียม
กลิ่นฉุนของกระเทียมอาจทำให้คนที่กำลังรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีมีอาการคลื่นไส้หรือไม่สบายท้องได้ จึงควรระมัดระวังในการนำมาใช้ในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้
แม้ว่ากระเทียมจะมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย แต่แพทย์เตือนว่าไม่ควรมองว่าเป็น “ยาเดียวรักษามะเร็ง” ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งควรปฏิบัติตามแนวทางการรักษามาตรฐาน เช่น การผ่าตัด เคมีบำบัด รังสี หรือยาเป้าหมาย เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิผลในการรักษา
“กระเทียม” เป็นเครื่องเทศที่น่าจับตามองในด้านสุขภาพ มีงานวิจัยที่สนับสนุนว่าอาจช่วยต้านมะเร็ง ลดไขมันในเลือด และควบคุมความดันโลหิตได้ การใส่กระเทียมในเมนูอาหารประจำวันอาจเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ดีในการดูแลสุขภาพ อย่างไรก็ดี ควรใช้ควบคู่กับการรักษามาตรฐาน ไม่ควรใช้แทนยา หรือปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์
