
มีติดครัวทุกบ้าน! "ศัตรูตัวฉกาจ" ของเซลล์มะเร็ง ช่วยลดไขมันในเลือด-ลดความดัน
เครื่องเทศที่เป็น "ศัตรูตัวฉกาจ" ของเซลล์มะเร็ง ช่วยลดไขมันในเลือดและลดความดันได้อย่างยอดเยี่ยม มีติดครัวทุกบ้าน
เครื่องเทศชนิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยสารประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งช่วยป้องกันมะเร็งและปกป้องสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
"ตัวเต็ง" ในการป้องกันมะเร็ง
กระเทียม เป็นเครื่องเทศที่คุ้นเคยกันดีในครัวไทย และได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ งานวิจัยชี้ว่า การเพิ่มกระเทียมในมื้ออาหารประจำวันสามารถนำมาซึ่งประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงศักยภาพในการ ป้องกันมะเร็งบางชนิด
ข้อมูลจากภาควิชาโภชนาการคลินิก โรงพยาบาล K เวียดนาม ระบุว่า กระเทียมมี สารไฟโตเคมิคอล (Phytochemical) จากพืชจำนวนมาก เช่น ฟลาโวนอยด์, อินนูลิน, ซาโปนิน, S-อัลลิล ซิสเทอีน (S-allyl cysteine) เป็นต้น สารประกอบเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการแล้วว่ามีคุณสมบัติ ต้านมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
รายงานสรุปจากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (AICR) ชี้ว่า การบริโภคกระเทียมเป็นประจำอาจช่วย ลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก กลไกการออกฤทธิ์เป็นเพราะสารประกอบในกระเทียมช่วย ซ่อมแซม DNA, ชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง, และลดการอักเสบ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังคงเน้นย้ำว่า งานวิจัยเหล่านี้ยังมีข้อจำกัด และจำเป็นต้องมีหลักฐานทางคลินิกเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักของกระเทียมอย่างแน่ชัด
ไม่เพียงแต่มะเร็งลำไส้ใหญ่เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ยังคงวิจัยบทบาทของกระเทียมกับมะเร็งประเภทอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น มะเร็งเต้านม, กระเพาะอาหาร, ช่องคอ, หลอดอาหาร, ต่อมลูกหมาก, ตับ, กระเพาะปัสสาวะ หรือตับอ่อน แม้จะยังไม่มีข้อสรุป แต่ข้อมูลปัจจุบันเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการแพทย์เชิงป้องกัน
ประโยชน์อื่น ๆ ของกระเทียม
นายแพทย์ฮวีญ เติ๊น หวู แพทย์เฉพาะทางจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์ นครโฮจิมินห์ กล่าวว่า กระเทียมเป็นหนึ่งในอาหารที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ ที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จักมากที่สุดตามธรรมชาติ นอกเหนือจากบทบาทในการป้องกันมะเร็งแล้ว กระเทียมยังช่วย ลดคอเลสเตอรอล, ลดความดันโลหิต, เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, สนับสนุนการไหลเวียนโลหิต, และชะลอความเสื่อมของผิว
"หากใช้กระเทียมอย่างถูกวิธี จะช่วยป้องกันโรคและเสริมสร้างสุขภาพของทุกคน" นายแพทย์หวู กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รับประทาน กระเทียมสด ทุบหรือสับ แล้วปล่อยทิ้งไว้ในอากาศ 10–15 นาที ก่อนนำไปปรุงอาหาร วิธีนี้จะช่วยให้เอนไซม์ในกระเทียมถูกกระตุ้นด้วยอากาศให้กลายเป็นสารประกอบที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ การนำกระเทียมไปดองกับน้ำส้มสายชูก็ให้ประโยชน์เช่นกัน โดยเฉพาะต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
ข้อควรระวังในการใช้กระเทียม
-
ผลต่อผู้ป่วยมะเร็ง: กลิ่นฉุนของกระเทียมอาจทำให้ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษา (เคมีบำบัด, รังสีรักษา) รู้สึกคลื่นไส้และไม่สบายตัวได้ ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้รอบคอบเมื่อปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้
-
กระเทียมไม่ใช่ "ยารักษามะเร็ง": แม้ว่ากระเทียมจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่แพทย์เตือนว่าประชาชน ไม่ควรใช้กระเทียมเป็น "ยาบำบัดรักษามะเร็ง"
-
คำแนะนำจากแพทย์: นายแพทย์เหงียน ถิ เดียม เฮือง แพทย์เฉพาะทาง เน้นย้ำว่า ผู้ป่วยมะเร็งไม่ควรหลงเชื่อยาพื้นบ้าน หรือข้อมูลที่ว่า "การกินอาหารชนิดเดียว เช่น กระเทียม จะรักษามะเร็งได้" แต่ควรปฏิบัติตามวิธีการรักษามาตรฐาน เช่น การผ่าตัด, เคมีบำบัด, รังสีรักษา, หรือยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ