8 ช่วงเวลาทองของการ "ดื่มน้ำ" ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด ขับสารพิษ ลดน้ำหนัก
เปิดตารางเวลา "ดื่มน้ำ" 8 ช่วงเวลาทองเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย ขับสารพิษและลดน้ำหนักได้ด้วยน้ำเปล่า
การดื่มน้ำเปล่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเมื่อรู้สึกกระหายน้ำ แพทย์หญิงไอริส (艾莉絲) ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแผนจีน ได้ออกมาเตือนว่า การดื่มน้ำให้ถูกเวลาจะช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
แพทย์หญิงไอริส ได้โพสต์วิดีโอผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว แนะนำ "ช่วงเวลาทอง" สำหรับการดื่มน้ำ โดยย้ำว่าไม่ควรดื่มน้ำแบบตามใจชอบ แต่ควรเติมน้ำในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อช่วยกระตุ้นการขับสารพิษออกจากร่างกาย ทั้งยังช่วยในการลดน้ำหนัก และเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการรักษาสุขภาพ
8 ช่วงเวลาทองเพื่อสุขภาพที่ดี
แพทย์หญิงไอริสได้แนะนำ 8 ช่วงเวลาสำคัญสำหรับการดื่มน้ำ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย ดังนี้:
หลังจากการนอนหลับตลอดคืน ร่างกายจะอยู่ในภาวะขาดน้ำ การดื่มน้ำอุ่นหนึ่งแก้วไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ แต่ยังช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย
ช่วงเวลานี้เป็น "ช่วงเวลาทอง" ที่ลำไส้และกระเพาะอาหารเริ่มกระบวนการขับสารพิษ การดื่มน้ำจะช่วยชะล้างสารพิษที่สะสมอยู่ ทำให้การดีท็อกซ์มีประสิทธิภาพสูงสุด
การดื่มน้ำก่อนอาหารกลางวันช่วยให้รู้สึกอิ่ม ทำให้ลดโอกาสในการรับประทานอาหารมากเกินไป นอกจากนี้ ช่วงเที่ยงยังเป็นเวลาที่หัวใจเริ่มกระบวนการขับสารพิษ การดื่มน้ำจึงช่วยส่งเสริมการดีท็อกซ์ในช่วงนี้ได้
การดื่มน้ำในช่วงนี้จะช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น
หลังจากทำงานมาเกือบทั้งวัน ช่วงบ่ายเป็นเวลาที่หลายคนมักจะอยากผ่อนคลายหรืออยากหาขนมทาน การดื่มน้ำหนึ่งแก้วก่อนทานขนมจะช่วยลดการทานขนมขบเคี้ยวมากเกินไป ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก
การดื่มน้ำก่อนอาหารเย็นจะช่วยลดความหิว ทำให้หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มากเกินความจำเป็น
ช่วงนี้เป็นเวลาที่การเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีที่สุด การดื่มน้ำจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการขับสารพิษ
การดื่มน้ำก่อนนอนประมาณ 2 ชั่วโมง จะช่วยชดเชยการสูญเสียน้ำในระหว่างการนอนหลับ และป้องกันไม่ให้เลือดมีความหนืดมากเกินไป ซึ่งช่วยให้ร่างกายทำการขับสารพิษครั้งสุดท้ายของวันได้อย่างสมบูรณ์

10 นิสัยดื่มน้ำที่ผิด
แม้ว่าจะดื่มน้ำเพียงพอ แต่ยังรู้สึกกระหายน้ำอยู่บ่อยๆ อาจเป็นเพราะดื่มน้ำผิดวิธี ส่งผลเสียต่อร่างกาย! นักโภชนาการ เกา หมินหมิน เตือนว่า หลายคนดื่มน้ำเพียงพอในแต่ละวัน แต่ยังรู้สึกแห้งกระหายน้ำ เหนื่อยล้า หรือมีปัญหาการเผาผลาญอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจาก “นิสัยดื่มน้ำผิด” เธอได้รวบรวม 10 วิธีดื่มน้ำผิดพบบ่อย เพื่อเตือนให้หลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้ไตทำงานหนัก เลือดข้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคหลอดเลือดสมอง และ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
1. ดื่มน้ำน้อยกว่า 1,000 มล. ต่อวันแต่ไม่รู้ตัว
การขาดน้ำเรื้อรังทำให้เหนื่อยง่าย การเผาผลาญช้า ปัสสาวะติดเชื้อซ้ำบ่อย และอาจทำให้เกิด ความดันสูง เกาต์ นิ่ว ควรจดบันทึกปริมาณน้ำที่ดื่ม แนะนำให้ดื่มน้ำคิดเป็น 3–4% ของน้ำหนักตัว และดื่มเป็นรอบๆ หลีกเลี่ยงการดื่มทีเดียวมากเกินไป
2. ดื่มน้ำมากเกินไปคิดว่าดีต่อสุขภาพ
ดื่มน้ำมากเกินไปอาจเจือจางเกลือแร่ในร่างกาย ทำให้เกิด ภาวะโซเดียมต่ำ ไตทำงานหนัก และอาจนำไปสู่ โรคไตเรื้อรัง จำกัดการดื่มน้ำไม่เกิน 4% ของน้ำหนักตัว และห้ามดื่มเร็วเกินไป
3. มีข้อจำกัดด้านการดื่มน้ำจากโรคประจำตัว
ผู้ป่วย หัวใจล้มเหลว ตับแข็ง ผู้ฟอกไต หากดื่มน้ำมากเกินไปอาจเกิด ปอดบวมน้ำเฉียบพลัน แนะนำปรับปริมาณน้ำตามสูตร “ปริมาณปัสสาวะเมื่อวาน + 500–700 มล.”
4. ชอบดื่มน้ำแร่แทนน้ำเปล่า
น้ำแร่บางชนิดมี เกลือแร่สูง อาจเพิ่มภาระไต โดยเฉพาะผู้ป่วยไต ควรใช้น้ำประปาที่กรองและต้มสุกเพียงพอ
5. ดื่มน้ำแก้วแรกหลังตื่นสายเกินไป
ช่วงเช้าร่างกายสูญเสียน้ำมากที่สุด หากไม่ดื่มน้ำเลือดอาจข้นขึ้น เพิ่มความเสี่ยง โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ แนะนำดื่มน้ำอุ่น 250 มล. หลังตื่นนั่งอยู่ข้างเตียง
6. กลัวปัสสาวะบ่อยหรือโรคเบาหวานจึงดื่มน้ำน้อย
การไม่ดื่มน้ำระยะยาวทำให้โรคเดิมรุนแรงขึ้น ไตเสื่อมเร็วกว่าเดิม ควรแก้ปัญหาปัสสาวะบ่อยและดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ
7. อากาศหนาวจึงขี้เกียจดื่มน้ำ
อากาศเย็นทำให้ รู้สึกไม่กระหาย แต่ร่างกายยังเสียเหงื่อและน้ำอยู่ อาจทำให้เลือดข้น เพิ่มความเสี่ยง หัวใจและสมอง แนะนำดื่มน้ำทุก 2 ชั่วโมง แม้ไม่กระหาย
8. ดื่มน้ำมากก่อนนอน
อาจทำให้ ปัสสาวะกลางคืนบ่อย และกระทบระบบประสาทอัตโนมัติ เสี่ยงต่อระบบภูมิคุ้มกันและเมตาบอลิซึม แนะนำควบคุมน้ำหลังอาหารเย็นไม่เกิน 20% ของปริมาณทั้งหมด และดื่มน้ำก่อนนอนไม่เกิน 150 มล.
9. ใช้เครื่องดื่มหวานแทนน้ำเปล่า
เครื่องดื่มที่มี น้ำตาลหรือคาเฟอีน นอกจากมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ยังเพิ่มภาระเมตาบอลิซึมและไต ควรดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก เครื่องดื่มไม่เกิน 10% ของน้ำทั้งหมด เลือกชาไม่หวาน
10. ดื่มน้ำเปล่ามากหลังออกกำลังกายหรืออาบน้ำร้อน
การเสียเหงื่อมากทำให้สูญเสียเกลือแร่ หากดื่มน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวอาจเกิดภาวะโซเดียมต่ำ สมองบวม ชักหมดสติ ควรดื่ม น้ำเกลือหรือเครื่องดื่มกีฬาแบบน้ำตาลต่ำ