ถั่ว 4 ชนิดที่ควร "เลิกกิน" ตั้งนานแล้ว เสี่ยงสารก่อมะเร็งแต่หลายคนยังกินอยู่

12/11/2025 (01:49 น.)

ถั่ว 4 ชนิดที่ควร "เลิกกิน" มีคำเตือนกันมานานแล้ว เสี่ยงโรค เสี่ยงสารก่อมะเร็ง แต่หลายคนยังกินอยู่

ถั่วชนิดต่างๆ เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท หรือเกาลัด มักถูกมองว่าเป็นกลุ่มอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยไขมันดี โปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่า การกินถั่วก็จำเป็นต้องรู้จักเลือก

มีถั่ว 4 ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด เนื่องจากแฝงไปด้วยความเสี่ยงต่อการเกิดโรค หรือแม้กระทั่งอาจเป็นสารก่อมะเร็งได้

1. ถั่วที่ขึ้นรา

นี่คือความเสี่ยงที่อันตรายที่สุด ถั่วเป็นอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อรา Aspergillus ได้ง่าย ซึ่งเชื้อรานี้จะผลิตสารพิษที่เรียกว่า อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่มีฤทธิ์รุนแรง

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ชัดว่า สารอะฟลาท็อกซินสามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อตับ และเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร ไต และมะเร็งลำไส้ 

2. ถั่วที่ไหม้เกรียม หรือคั่วไฟแรงเกินไป

ในถั่วประกอบไปด้วยไขมัน โปรตีน และแป้งในปริมาณมาก เมื่อนำไปคั่วโดยใช้อุณหภูมิที่สูงจนเกินไป หรือคั่วจนไหม้ สารอาหารเหล่านี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง และก่อให้เกิดสารพิษหลายชนิด

สารพิษที่เกิดขึ้นจากการคั่วที่ไหม้เกรียม เช่น เบนโซเอไพรีน (Benzo(a)pyrene) และ อะคริลาไมด์ (Acrylamide) ล้วนเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการก่อมะเร็ง

3. ถั่วที่ผ่านการแต่งสีหรือฟอกขาวด้วยสารเคมี

ถั่วบางชนิดที่วางจำหน่ายในท้องตลาด อาจผ่านกระบวนการย้อมสี หรือฟอกขาวด้วยสารเคมี เพื่อให้มีสีสันที่ดูสดใหม่และน่ารับประทาน สารเหล่านี้มักเป็นสีย้อมในอุตสาหกรรม หรือพาราฟินชนิดที่ไม่ได้ใช้สำหรับอาหาร

สารเคมีเหล่านี้เป็นพิษและสามารถสะสมในร่างกายเมื่อบริโภคเข้าไป โดยเฉพาะถั่วที่ถูกแกะเปลือกแล้ว เช่น พิสตาชิโอ จะยิ่งมีโอกาสดูดซับสารเคมีที่ใช้เคลือบผิวได้ง่ายขึ้น

4. ถั่วที่ปรุงรสชาติจัดเกินไป

ถั่วที่ปรุงรสเค็มจัด รสเนย หรือปรุงแต่งกลิ่นรสต่างๆ มักมีส่วนผสมของเกลือในปริมาณมาก รวมถึงสารแต่งกลิ่นสังเคราะห์ และสารให้ความหวานเทียม

นอกจากนี้ การปรุงรสที่เข้มข้นจัดจ้าน ยังอาจเป็นกลอุบายของผู้ผลิตบางราย เพื่อใช้ปกปิดกลิ่นเหม็นหืนของถั่วเก่าที่เริ่มเสื่อมคุณภาพหรือใกล้จะหมดอายุ

ข้อควรระวังเพิ่มเติมในการกินถั่ว

ถั่วเป็นอาหารที่ให้พลังงานและมีไขมันสูง หากในวันนั้นคุณได้รับประทานอาหารอื่นๆ ในปริมาณมากแล้ว โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง ก็ไม่ควรรับประทานถั่วเพิ่มในปริมาณมาก เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินความจำเป็น

นอกจากนี้ ไม่ควรรับประทานถั่วในปริมาณมากในช่วงค่ำหรือใกล้เวลาเข้านอน เพราะอาจทำให้รู้สึกหนักท้อง ย่อยยาก และนอนหลับไม่สบาย

กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงการกินถั่วชั่วคราว

ผู้ที่กำลังมีอาการท้องร่วง หรือมีการอักเสบเฉียบพลันในระบบทางเดินอาหาร ควรงดการกินถั่วชั่วคราว เนื่องจากใยอาหารและน้ำมันในถั่วอาจทำให้อาการแย่ลงได้

สำหรับผู้ที่มีอาการ "ร้อนใน" ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน มีแผลในปาก หรือเจ็บคอ การกินถั่วในปริมาณมากอาจทำให้อาการระคายเคืองเหล่านั้นเพิ่มความรุนแรงขึ้น

วิธีเก็บรักษาถั่วที่ถูกต้อง

เนื่องจากถั่วมีน้ำมันในปริมาณมาก จึงสามารถเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (เหม็นหืน) ได้ง่าย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้น การบริโภคถั่วที่เหม็นหืนจะเพิ่มอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง

หากซื้อถั่วมาในปริมาณมากและไม่สามารถรับประทานได้หมดในเวลาอันสั้น วิธีที่ดีที่สุดคือแบ่งถั่วออกเป็นส่วนเล็กๆ ใส่ในถุงหรือภาชนะที่ปิดสนิท และนำไปเก็บไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น วิธีนี้จะช่วยจำกัดการสัมผัสกับอากาศและความชื้น ลดความเสี่ยงการเกิดเชื้อรา และหากพบว่าถั่วมีกลิ่นอับหรือขึ้นรา ต้องทิ้งทันที